รองประธาน สนช.เผย สนช.เตรียมนำกฎหมายลูก ส.ส. และส.ว.พิจารณาในวันที่ 30 พ.ย.นี้ พร้อมยืนยัน สนช.ยกร่างกฎหมายท้องถิ่นเสร็จทันตามนโยบายคสช.แน่นอน

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภาบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คนที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้สนช.ได้ศึกษาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งทั้ง 2 ฉบับไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแต่รอให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ส่งร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับมาให้ โดยได้รับการประสานว่าจะส่งมาให้สนช.ในวันที่ 28 พ.ย.และสนช.จะนำเข้าสู่การพิจาณาในวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งหากพิจารณาเสร็จแล้วก็จะรู้ว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อใด

ส่วนกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต .) คาดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นจะต้องเกิดหลังการเลือกตั้งส.ส. เพราะจะต้องแก้ไขกฎหมายท้องถิ่น6 ฉบับก่อน  นายพีระศักดิ์ บอกว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย  คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้มีการยกร่างกฎหมายเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ที่ครม. เพื่อพิจารณาส่งต่อมาให้สนช. เพื่อพิจารณาต่อไป

ซึ่งสนช.จะเร่งพิจารณาให้ทันเพราะถือเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งส.ส.  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนโยบายของคสช.  โดยสนช.พร้อมแก้ไขกฎหมาย ท้องถิ่นอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าสนช.จะพิจารณาไม่ทัน

"สมชัย"ชี้คสช.ปลดล็อกเลือกตั้งท้องถิ่น หวังกลบกระแสร้องปลดล็อกพรรค

ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. กล่าวว่า การที่นายกฯ อยากให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเป็นเพียงการผ่อนคลายทางการเมือง เพื่อกลบกระแสเรียกร้องให้ คสช.ปลดล็อกการทำกิจกรรมของพรรคการเมือง

ทั้งนี้หากดูประกาศ คสช.ที่เกี่ยวข้องกับการจำกัดการทำกิจกรรมทางการเมือง มี 2 ฉบับที่สำคัญ คือ ประกาศฉบับที่ 57/2557 ห้ามพรรคการเมือง 4 เรื่อง คือ ห้ามประชุม  ห้ามดำเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง  ห้ามตั้งพรรคใหม่ และห้ามจัดสรรเงินจากกองทุนพัฒนาพรรค

ส่วนอีก 1 ฉบับ คือ ประกาศฉบับที่ 7/2557 ห้ามบุคคลทั่วไปชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป

ดังนั้นหากจะให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นและยอมให้มีการหาเสียงต้องปลดล็อกประกาศฉบับที่ 7 แต่ไม่จำเป็นต้องปลดล็อกประกาศฉบับที่ 57 เพราะฉบับ 57 เป็นเรื่องของพรรคการเมืองอย่างเดียว

ซึ่งตนเองเห็นว่า สิ่งที่กระทบต่อความมั่นคง และสำคัญกว่า คือ ประกาศห้ามชุมนุมทางการเมืองในฉบับที่ 7 เพราะเป็นดอกกุญแจสำหรับประตูใหญ่ ส่วน เรื่องการดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง เป็นประตูที่เล็กกว่า