ตำรวจจับกุม 4 คนร้าย ชาวต่างชาติ ตระเวนลักทรัพย์ในห้องพักของโรงแรมต่างๆ พบหนึ่งในนั้นเคยต้องโทษคดีเดียวกันถึง 7 ปี ถูกพลักดันออกนอกประเทศ แล้วลักลอบเข้ามาก่อเหตุอีก
พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมตำรวจกองบังคับการตำรวจนครบาล 4 นำของกลาง คีมตัดลวด ไขควงผ้าขนหนู เทปพันสายไฟ กล้องถ่ายรูป รถจักรยานยนต์และ อื่นๆ อีกหลายรายการ มาแถลงผลการจับกุม ผู้ต้องหาต่างชาติรวม 4 คน
ประกอบด้วย นางสาวเกรเยีย ดิยอน แฟโบร อายุ 32 ปี นางสาวแฮเรร่า โยอัน แก ดิยอน อายุ 31 ปี ทั้งคู่เป็นคนสัญชาติ ฟิลิปปินส์ นายมอเซน ราจาอี ราซลิจิ อายุ 40 ปี นายโจมดอดิ บาลาเคซ อายุ 49 ปี สัญชาติอิหร่าน หลังตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ตามโรงแรมต่างๆทั่วกรุงเทพมหานคร
ตำรวจ บอกว่า เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติ ก่อเหตุลักทรัพย์ในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง ได้ทรัพย์สินไปจำนวนหลายรายการ โดยคนร้ายให้หญิงสาวชาวต่างชาติ เป็นผู้ใช้ชื่อเปิดเข้าพักโรงแรมเป้าหมาย จะเลือกโรงแรมที่ราคาห้องพักตั้งแต่ 3-4 พันบาท จากนั้นอาศัยจังหวะที่ห้องพักใกล้เคียงไม่มีผู้พักอาศัยอยู่ ใช้ชะแลงงัดเข้าไปในห้อง แล้วยกตู้เซฟของโรงแรมกลับมายังห้องที่ตนเอง และทำการเจาะงัดตู้เซฟเพื่อเอาทรัพย์สิน จากนั้นใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลบหนีไป
ตำรวจ จึงสืบทราบและตามจับกุม ตัว 2 ผู้ต้องหาหญิงได้ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ทั้งคู่รับสารภาพ ว่า รู้จักผู้ต้องหาชายทั้ง 2 ราย ที่ซอยนานา และ ได้รับการชักชวนให้มาร่วมก่อเหตุ โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 1 พันบาท จากนั้นได้ขยายผล จนพบ 2 ผู้ต้องหาชาย พร้อมด้วยของกลางดังกล่าว
จากการสอบสวน นายมอเซน รับสารภาพว่า ลักลอบอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานาน มีภรรยาเป็นคนไทยอาศัยอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา วันเกิดเหตุ มีหน้าที่เป็นคนดูต้นทาง เมื่อก่อเหตุก็จะนำทรัพย์สินมาแบ่งกัน แล้วเดินทางกลับไปหาภรรยาทันที
ส่วน นายโจมดอดิ บาลาเคซ สารภาพว่า เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในคดีลักษณะเดียวกัน เมื่อปี 2547 ถูกคุมขังอยู่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เป็นเวลาประมาณ 7 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาก็ถูกผลักดันกลับประเทศ แต่ได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งเพื่อมาก่อเหตุ และ ในปี 2560 นี้ได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 5 ครั้ง ในเขตกรุงเทพ และ ชลบุรี
ด้าน พลตำรวจโทชาญเทพ บอกว่า ส่วนใหญ่ผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ เมื่อถูกลักทรัพย์ ก็ไม่กล้าไปแจ้งความ จึงเป็นช่องโหว่ให้คนร้ายลงมือก่อเหตุ พร้อมฝากถึงโรงแรม ว่า หากมีชาวต่างชาติเข้าไปพัก ให้หมั่นตรวจสอบว่า เข้าไปพักจริงหรือไม่ และหากมีผู้เสียหาย สงสัยว่าจะถูกกลุ่มคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ ให้มาดูของกลางได้ที่ สน.หัวหมาก