กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยวันแรกของการคุมเข้มรถโดยสารสาธารณะ พบ ความบกพร่อง 65 คัน ในจำนวนนี้ขนส่ง สั่งห้ามใช้ทันที 1 คัน และสั่งให้เปลี่ยนรถทันทีอีก 1 คัน
นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงมาตรการสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยร่วมกับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) / สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา / ทหาร / ตำรวจ และหน่วยงานท้องถิ่น สแกนรถโดยสารทุกคัน ทุกสถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอด 212 แห่งทั่วประเทศ
โดย 7 วันแรกเริ่มต้นความปลอดภัย วันที่ 21-27 ธันวาคม 2560 // 7 วันกลางเข้มข้นความปลอดภัยวันที่ 28 ธันวาคม 60-3 มกราคม 2561 และ 7 วันหลังเฝ้าระวังความปลอดภัย วันที่ 4-10 มกราคม 2561
สำหรับช่วง 7 วันแรกเริ่มต้นความปลอดภัย เฉพาะวันแรก เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 ได้ตรวจความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะ และพนักงานขับรถ 13,664 คัน แบ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะหมวด 2 (กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดทุกเส้นทาง) 7,549 คัน และรถโดยสารสาธารณะหมวด 3 (เส้นทางระหว่างจังหวัด) 6,115 คัน พบข้อบกพร่องเกี่ยวกับตัวรถโดยสารสาธารณะรวม 132 คันเป็นรถโดยสารสาธารณะหมวด 2 จำนวน 67 คัน
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวต่อว่า ส่วนรถโดยสารสาธารณะหมวด 3 พบบกพร่อง 65 คัน ในจำนวนนี้ถูกสั่ง "ห้ามใช้" ทันที 1 คัน เนื่องจากตรวจพบอุปกรณ์จีพีเอส ไม่เชื่อมต่อ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบสถานะรถได้ และสั่งให้เปลี่ยนรถทันทีอีก 1 คัน เนื่องจากตรวจพบระบบช่วงล่างและถุงลมชำรุด
นอกนั้นส่วนใหญ่เป็นความบกพร่องเกี่ยวกับระบบไฟถอยหลังชำรุด / ยางชำรุด / ถังดับเพลิงไม่พร้อมใช้งาน ซึ่งสามารถจัดหาอะไหล่ หรืออุปกรณ์ที่มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน มาเปลี่ยนทดแทนได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย
ส่วนข้อบกพร่องของพนักงานขับรถ พบ 4 คน เนื่องจากแต่งกายไม่ถูกต้อง และไม่ลงบันทึกเวลาในสมุดประจำรถ จึงเปรียบเทียบปรับ และกำชับให้แก้ไขดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ พร้อมบันทึกประวัติความผิดไว้ที่ศูนย์ข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะ