นายกรัฐมนตรี ระบุ หากสถานการณ์การเมืองยังมีความขัดแย้งสูงอาจไม่มีการเลือกตั้ง พร้อมเตือน 2 พรรคการเมืองใหญ่ อย่าสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นอีก ชี้แจงใช้คำสั่งมาตรา 44 ไม่ได้ต้องการรีเซตสมาชิกพรรคการเมือง

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วงปีใหม่นี้ อยากให้ประเทศเกิดความสงบสุข ไม่อยากให้มีความขัดแย้ง และในวันข้างหน้าเมื่อหมดหน้าที่นายกฯ ตนจะเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่อยากได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล อยากได้นักการเมืองที่โปร่งใส

ส่วนสิ่งที่คาดหวังในปี 2561 คือ 1.การลดความยากจน ลดความเดือดร้อนและ 2.การเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่ไม่มีความขัดแย้งอีกต่อไป แต่ถ้าสถานการณ์ ยังมีความขัดแย้งสูง อาจจะไม่มีการเลือกตั้ง ดังนั้นถ้าอยากให้มีการเลือกตั้ง สถานการณ์ต้องมีความสงบสุขเรียบร้อย แต่ไม่ได้หมายความว่า ตนจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไป เพียงแต่พูดปรามไว้สำหรับคนที่จะสร้างความวุ่นวายขึ้นมา พร้อมขอให้ 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่าสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นมาอีก เพราะถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ความขัดแย้งก็จะไม่มีวันจบ

นายกฯ ยังกล่าวถึงการใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่ง 53/2560 ปรับแก้ไขพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลา 30 วันในการยืนยันความเป็นสมาชิก

โดยนายกฯ ยืนยันว่า ไม่ได้สลายความเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง เพราะคนที่เป็นสมาชิกพรรคสามารถมายืนยันความเป็นสมาชิกใหม่ได้ ส่วนระยะเวลา 30 วัน ขอชี้แจงว่า เป็นระยะเวลาที่กำหนดให้ต้องมีสมาชิกพรรคอย่างน้อย 500 คน

แต่หลังจากนั้นทุกคนก็สามารถมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้ตลอดในช่วง 4 ปี ถ้าพรรคของตัวเองดีจริง ก็ไม่ต้องกลัวว่า สมาชิกจะย้ายไปอยู่พรรคใหม่ และต้องมั่นใจว่า สมาชิกยังคงอยู่กับพรรคของตัวเองตามเดิม

นายกฯ ยังตอบถึงกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองทหารว่า ตนยังไม่รู้ว่า จะตั้งพรรคไปทำไม แต่หากมีใครไปรวบรวมคนแล้วตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา และลงเลือกตั้ง ก็ขึ้นอยู่กับประชาชน เพราะถ้าคนใหม่ดีกว่าคนเก่า ประชาชนก็เลือกคนใหม่ แต่ถ้าคนเก่าดีอยู่แล้ว ประชาชนก็เลือกพรรคเก่า

ส่วนถ้ามีคนตั้งพรรค เพื่อสนับสนุนให้ตนเองเป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะรับตำแหน่งหรือไม่ เพราะสถานการณ์เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง ซึ่งวันนี้ ไม่ต้องมากลัวว่า ตนจะเข้าไปเป็นนายกฯคนนอก เพราะ นายกฯคนนอกอาจจะไม่ใช่ตนก็ได้

พลเอก ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า ในช่วงปีใหม่นี้ ตนไม่ได้เดินทางไปเที่ยวที่ไหน อาจไปตีกอล์ฟใกล้ๆ แต่ไม่ไปต่างจังหวัด ซึ่งตนไม่เคยไปไหนมาหลายสิบปีแล้ว ส่วนครอบครัวก็ไม่เคยไปไหนด้วยกัน เพียงแต่อยู่บ้านด้วยกันเท่านั้น กลายเป็นว่าเวลาส่วนตัวหายไป หากจะไปห้างสรรพสินค้า ก็ไปเพียงเพื่อเปิดงานเท่านั้น

เพราะหากต้องเดินทางไปข้างนอก จะต้องให้รปภ.ไปดูแล แต่ตนไม่อยากรบกวน และอยากให้รปภ.ได้กลับบ้าน ตนจึงแค่ไปเล่นกีฬา กินข้าวกับครอบครัวเงียบๆ หรือไปกับเพื่อนๆ เท่านั้น

นายกฯขู่ หากยังขัดแย้งอาจไม่มีเลือกตั้ง ปัดใช้ ม.44 สลายสมาชิกพรรค