กรณีกระทรวงพาณิชย์ วัดค่าครองชีพจากราคาส้มตำ โดยระบุว่าจังหวัดกระบี่ราคาส้มตำแพงที่สุด ทำให้ร้านส้มตำในพื้นที่ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุ
หนึ่งในร้านส้มตำ ที่มีการสำรวจราคาตั้งแต่ก่อนช่วงปีใหม่ เป็นร้านบริเวณสวนสาธารณะธารา เทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ข้อมูลราคาส้มตำโดยเฉลี่ยเช่นเดียวกันร้านส้มตำแห่งอื่นในพื้นที่พบว่า ราคาส้มตำปูและส้มตำไทย อยู่ที่ถุงละ 60 บาท รองลงมาเป็นส้มตำในจังหวัดระยองถุงละ 55 บาท ส่วนกรุงเทพ ราคาเฉลี่ย35บาทและจังหวัดที่ราคาส้มตำถูกสุดได้แก่ศรีสะเกษถุงละ 30 บาท
นางสาวปัทมา ชีวานิช เจ้าของร้านส้มตำแห่งนี้ชี้แจงว่า สาเหตุที่ราคาส้มตำในจังหวัดกระบี่ถูกยกให้มีราคาแพงที่สุด เพราะราคาวัตถุดิบที่สูงตามคุณภาพ แต่มองว่า ราคา 50-60 บาท ถือว่าไม่แพงสำหรับจังหวัดท่องเที่ยวอย่างกระบี่ ที่ค่าครองชีพสูงที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้
สำหรับการสำรวจค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ ได้สำรวจจากราคาอาหารที่ประชาชนบริโภคเป็นประจำ โดยวัดจากราคาส้มตำบรรจุถุง พบว่าค่าครองชีพในเดือนธันวาคมที่ผ่านมายังทรงตัว แต่จังหวัดที่มีค่าครองชีพแพงสุด คือ จังหวัดกระบี่ โดยดูจากราคาส้มตำที่จำหน่ายเฉพาะตามร้านที่เป็นที่นิยม
ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปี 2560 ที่ผ่านมา ถูกระบุว่าสูงขึ้นเพียง 0.66% ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ แสดงให้เห็นว่าค่าครองชีพประชาชนไม่สูงขึ้นมากนัก และยังไม่มั่นใจในการจับจ่าย
ขณะที่ในปีนี้ คาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วง 0.6-1.6% เพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และการส่งออกที่ดีขึ้น ทำให้การใช้จ่าย และการลงทุนดีขึ้น ซึ่งราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น อาจทำให้สินค้าปรับราคา แต่ ราคาสินค้าเกษตรยังอยู่ในระดับต่ำ