ตำรวจยังไม่ยืนยัน "ณิชา" เป็นผู้บริสุทธิ์ หรือ เกี่ยวข้องแก๊งแอบอ้างเปิดบัญชีหลอกลวงเหยื่อ เร่งลงพื้นที่ขยายผลตามคำให้การ ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เชิญ 36 ธนาคารหารือ ป้องกันคนร้ายแอบอ้างนำบัตรผู้อื่นเปิดบัญชี หลังพบ 4 พันบัญชีเข้าข่ายฟอกเงิน
พลตำรวจตรี รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร รักษาราชการแทนเลขาธิการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. หารือร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย ตัวแทนสถาบันการเงิน รวม 36 แห่ง และกรมการปกครอง เพื่อกำหนดมาตราการป้องกัน และตรวจสอบการเปิดบัญชีธนาคาร กรณีนางสาวณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ พนักงานบริษัทเอกชน ถูกคนร้ายนำบัตรประชาชนที่ทำหาย ไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง 9 บัญชี จนถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง
พลตำรวจตรี รมย์สิทธิ์ บอกว่า ปปง.ได้มีการตรวจสอบกับธนาคาร 7 แห่ง ที่คนร้ายได้นำบัตรประชาชนของนางสาวณิชา ไปเปิดบัญชีแล้ว ได้ข้อมูลบางส่วน ส่วนใหญ่ธนาคารอยู่ระหว่างรวบรวมรายงาน ส่งเอกสารข้อมูลให้ ปปง. รวมทั้งตรวจสอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิดและอื่นๆ ที่จะประกอบการพิจารณาว่า ธนาคารมีความบกพร่องในการตรวจสอบความถูกต้อง บุคคลในการเปิดบัญชี หรือทำธุรกรรมการเงินหรือไม่ หากพบความผิดพลาด ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบต่อไป
ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายอายัค ไซม่อน อีโก้ ชาวแคมารูน 1 ในผู้ต้องสงสัย ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะกระทบกับรูปคดี พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงิน 6 ล้านบาทของนางสาวณิชาแล้ว ส่วนจะเป็นแพะ หรือ แกะนั้น คาดว่า จะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้
พลตำรวจตรี รมย์สิทธิ์ บอกต่อว่า จากการตรวจสอบของธนาคารต่างๆทั่วประเทศ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีบัญชีต้องสงสัย ที่เข้าข่ายขโมยข้อมูลบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี เพื่อกระทำความผิด กว่า 4 พันบัญชี อยู่ระหว่างขยายผล หากพบความผิด จะดำเนินการออกหมายเรียกเจ้าของบัญชี มาให้ข้อมูลต่อไป
ส่วนแนวทางป้องกันการขโมยบัตรประชาชนผู้อื่นมาเปิดบัญชีว่า ได้ให้ธนาคาร เพิ่มความเข้มงวด เกี่ยวกับการแสดงตัวตนให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยผู้เปิดบัญชี จะต้องแสดงหลักฐาน อย่างน้อย 7 อย่าง ประกอบด้วย 1. ชื่อ - นามสกุล 2. วัน เดือน ปีเกิด 3. เลขบัตรประจำตัวประชาชน 4. ที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน และปัจจุบัน 5. อาชีพ สถานที่ทำงาน 6. ข้อมูลการติดต่อ อาทิ หมายเลขโทรศัพท์ และ ลายมือชื่อผู้ทำธุรกรรมพร้อมตรวจสอบทางกายภาพ เช่นใบหน้า รูปร่าง ว่าตรงกับหลักฐานที่นำ มาแสดงหรือไม่
นอกจากนี้ ให้สถาบันการเงินเร่งประสานกรมการปกครอง ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบสถานะบัตรประชาชนว่า เป็นบัตรที่สามารถใช้ได้จริงหรือไม่ มีการแจ้งยกเลิกแจ้งหายหรือไม่
ขณะที่นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ ผอ.กองคดี1 ปปง. บอกว่า กำลังรวบรวมหลักฐานจากธนาคาร 7 แห่ง ที่คนร้ายเปิด 9 บัญชี ของนางสาวณิชา เพื่อส่งคณะกรรมการพิจารณาความผิดต่อไป นอกจากนี้ ได้ขอให้สถาบันการเงิน ประสานกับกรมการปกครอง เพื่อติดตั้งโปรแกรม ตรวจสอบสถานะของบัตรประชาชนว่า ยังสามารถใช้การอยู่ หรือแจ้งหายไว้
ด้านนายยงศักดิ์ เซี่ยงหลอ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า จะกำชับให้ธนาคารทุกแห่ง ควบคุมตรวจสอบภายในเข้มงวดขึ้น เมื่อเปิดบัญชีลูกค้าแล้ว ต้องติดตามผลว่า มีการให้บุคคลอื่นถือบัญชีแทนหรือไม่ สำหรับลูกค้าธนาคาร ที่มีการทำศัลยกรรมบนใบหน้า แตกต่างจากภาพในบัตรประชาชน ธนาคารจะต้องให้ลูกค้ ไปทำบัตรประชาชนใหม่ หรือมีใบรับรองจากแพทย์ชัดเจนว่า ไปทำศัลยกรรมมา
ในอนาคต หากมีการนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี และสร้างความเสียหายเกิดขึ้น ทางผู้บริหารธนาคาร จะต้องมีส่วนรับผิดชอบฐานประมาทเลินเล่อ
ส่วนความคืบหน้าด้านคดี นั้น พันตำรวจเอก กัมพล รัตนประทีป ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำนางสาวณิชา นานกว่า 12 ชั่วโมง เกี่ยวกับเรื่องเงิน 6 ล้านบาท ที่ปรากฏในบัญชี การทำบัตรประชาชนใหม่หลายครั้ง
รวมไปถึงกระแสข่าว การสนทนาระหว่างนางสาวณิชา กับนางสาวปวีณา หญิงที่นำบัตรประชาชนไปแอบอ้างเปิดบัญชี และอีกหลายประเด็นนั้น นางสาวณิชา ได้ตอบคำถามจนเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แต่รายละเอียด ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เบื้องต้น สั่งการให้ชุดสืบสวน ลงไปสืบหาข้อเท็จจริงตามคำให้การแล้ว
ส่วนที่มีข่าวว่า ตนเองจะแถลงความคืบหน้าคดีในวันนี้(16 ม.ค.) นั้น ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด เพราะตนเองไม่มีอำนาจในการแถลงข่าวใดๆ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดคลี่คลายคดีได้เข้าสอบปากคำนางสาวเจรติ สายสิญจน์ หรือ แอน หญิงสาวคนสนิทของนายไซม่อน ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ จังหวัดนครปฐม พบว่า เป็นผู้นำบัตรประชาชน นางสาวณิชา ไปเปิดบัญชีธนาคาร ในพื้นที่ สน.วังทองหลาง และเปิดซิมการ์ดโทรศัพท์ในพื้นที่ สภ.บางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี
รวมถึงนำภาพวงจรปิดจากหน้าตู้เอทีเอ็มหลายสถานที่ ที่นายไซม่อนไปกดเงิน มาวิเคราะห์แนวทางสืบสวน กระทั่งพบภาพหญิงสาวชาวไทยคนหนึ่ง สวมเสื้อคอปกสีดำ ไว้ผมทรงเดรดล็อก ไปกดเงินกับนายไซม่อน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 เจ้าหน้าที่ทราบชื่อแล้ว คือ นางสาวพร มีภูมิลำเนาอยู่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จะเร่งขยายผลต่อไป
ขณะเดียวกัน พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า นางสาวณิชา ยังถือเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงที่ สภ.บ้านตาก และเป็นผู้เสียหาย หลังแจ้งความ ว่า ถูกนำบัตรประจำตัวประชาชนไปเปิดบัญชี ยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือเป็นผู้บริสุทธิ์ อยู่ระหว่างการขยายผล
ส่วนนางสาวปวีณา สิงหวิบูลย์ ที่ถูกตำรวจควบคุมตัว สอบปากคำ ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหา คือลักทรัพย์ / นำบัตรประจำตัวประชาชนของ ผู้อื่นไปใช้ และปลอมแปลงเอกสาร
ส่วนนายไซม่อน ถูกควบคุมตัวไว้ ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง อยู่ในขั้นตอนการซักถาม ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาในคดีแต่อย่างใด จากการตรวจสอบ แผนประทุษกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีส่วนคล้ายกับแก๊งโรแมนซ์สแกรม คือ หลอกเหยื่อผ่านเฟซบุ๊ก แล้วให้ผู้เสียหาย โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร มีความเป็นไปได้ว่า ทั้ง 2 แก๊งมีส่วนเชื่อมโยงกัน
ส่วนพลตำรวจตรี สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว บอกว่า การกระทำผิดของแก๊งนายไซม่อน เป็นแก๊งโรมานซ์สแกม ไม่ใช่ลักษณะคอลเซ็นเตอร์ และมีนางสาวปวีณา และนางสาวเจรติ นำบัตรประชาชน นางสาวณิชาไปเปิดบัญชี กำลังขยายผลว่า มีผู้ร่วมกลุ่มมากกว่านี้หรือไม่
สำหรับวิธีการของกลุ่มนี้คือ ให้นางสาวปวีณา และนางสาวเจรติ ไปหาบัตรประชาชนคนไทยมา เพื่อแลกค่าตอบแทน จากนั้นให้นำบัตรประชาชน ไปเปิดบัญชีธนาคาร แล้วเอาเลขบัญชี ให้หัวหน้ากลุ่ม โดยทั้ง 2 คนนี้ จะไม่ทราบว่า เอาบัญชีไปทำอะไร วิธีการจะไม่เหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลังจากนั้น ชาวต่างชาติผิวดำ จะไปหลอกเหยื่ออีกที โดยไม่ได้ใช้โทรศัพท์ แต่ใช้ความรัก ความใกล้ชิดพูดคุย บางครั้งใช้เฟซบุ๊กติดต่อเหยื่อ อ้างตัวเป็นทหารอเมริกัน ดารา เพื่อให้คนหลงเชื่อ โอนเงินเข้ามา เท่าที่ตรวจสอบ คนผิวดำไม่ใช่กลุ่มใหญ่ แต่มีการกระทำผิดต่อเนื่อง จากนี้ จะตรวจสอบว่า นายไซม่อน เป็นคนชาติไนจีเรียหรือไม่ แล้วทำไมถือพาสปอร์ตแคเมอรูน
ส่วนกระแสข่าวว่า น้องชายนางสาวณิชา ติดต่อนายไซม่อนทางเฟซบุ๊กนั้น พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ บอกว่า มีข้อมูลอยู่แล้ว จะขยายผลโดยตรวจสอบบัญชีการเงิน การใช้โทรศัพท์ ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับใคร หากมีส่วนกระทำความผิดด้วยจะดำเนินคดีหมด เพื่อไขความจริงให้สังคมไม่ให้สับสน และยังตอบไม่ได้ว่า นางสาวณิชา เป็นแพะ หรือแกะ