ผู้ต้องหาจี้ชิงเงินธนาคารกรุงไทย สาขาบางวัว จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นถึงข้าราชการท้องถิ่นระดับสูง สารภาพว่า ต้องการนำเงินไปใช้หนี้แทนเพื่อนคนหนึ่ง ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับคดีจี้ชิงเงินเกือบ 2 ล้าน จากธนาคารทหารไทยก่อนหน้านี้

นายรุ่งโรจน์ บุญประกอบ ข้าราชการระดับผู้อำนวยการกอง ของเทศบาลแห่งหนึ่งในอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ถูกตำรวจนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุ

หลังบุกจี้ชิงเงินเกือบ 6 แสนบาท จากหน้าเคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทย สาขาบางวัว อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 31 มกราคม ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่ไปดูการทำแผน เพราะทราบข่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นถึงข้าราชการระดับสูงในท้องถิ่น

นายรุ่งโรจน์ สารภาพว่า ตัดสินใจก่อเหตุ เพราะต้องการนำเงินไปใช้หนี้สินแทนเพื่อนคนหนึ่ง ที่ถูกติดตามทวงหนี้ และมีเส้นตายที่จะต้องใช้หนี้ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

แต่ไม่ยอมบอกว่า เพื่อนสนิทที่ทำให้เขาต้องยอมทิ้งตำแหน่ง และอาชีพรับราชการที่ทำมาเกือบ 30 ปี เพื่อไปก่อเหตุ แล้วนำเงินไปให้นั้น คือใคร พร้อมทั้งยังปฏิเสธด้วยว่า ไม่ได้ติดหนี้การพนัน หลังก่อเหตุ นำเงินทั้งหมดไปใช้หนี้สินให้เพื่อนในทันที

ผู้ต้องหาอ้างด้วยว่า ไม่ได้วางแผนก่อเหตุล่วงหน้า เป็นการตัดสินใจกระทันหัน ทำเป็นครั้งแรก และขณะก่อเหตุอาวุธปืนไม่ได้บรรจุกระสุน

พลตำรวจเอกเฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาแกล้งทำเป็นขาเป๋ขณะก่อเหต โดยอ้างว่า เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ และปฏิเสธว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีจี้ชิงเงินจากธนาคารทหารไทย สาขาบางวัว 2 ครั้ง เมื่อปี 2557 และ 2558

ทำให้ตำรวจต้องสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ สันนิษฐานว่า ผู้ต้องหาอาจเป็นคนเดียวกันกับโจรขาเป๋ ที่เคยบุกเข้าไปจี้ชิงเงินธนาคารทหารไทย ส่วนเงินที่ผู้ต้องหาชิงไป จะนำไปใช้หนี้จริงหรือไม่ ตำรวจมีวิธีการในการติดตามหาเงินของกลางกลับคืนมา