ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดเหตุไฟไหม้ป่าเขาค้อ เป็นบริเวณกว้าง ซึ่งต้องใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง ในการควบคุมสถานการณ์ คาดเกิดจากชาวบ้านจุดไฟเผาไร่นา เพื่อทำการเกษตร ส่วนที่จังหวัดนครนายก เกิดเหตุไฟไหม้หญ้าริมถนนประมาณ 10 ไร่ ห่างจากทุ่งนกเหยี่ยวเพียง 20 เมตร
เจ้าหน้าที่ดับเพลิง กำนัน ชาวบ้าน เร่งช่วยกันฉีดน้ำ สกัดไฟที่กำลังลุกไหม้หญ้าริมถนน ใกล้ทุ่งนกเหยี่ยวไซบีเรีย ในพื้นที่ ตำบลท่าเรือ อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก โดยใช้เวลากว่า 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงอยู่ในวงจำกัดได้ ตรวจสอบพบว่า ไฟไหม้หญ้าบริเวณดังกล่าวกินเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่
สอบถาม นายสิทธิชัย อิ่มจิตร ผู้ดูแลทุ่งนกเหยี่ยวไซบีเรีย บอกว่า จุดเกิดเหตุห่างจากทุ่งนกเหยี่ยว ประมาณ 20 เมตร โดยมีถนนขั้นกลาง สำหรับถนนเส้นนี้มีรถสัญจรผ่านไปมาตลอด ซึ่งตนเองไม่ทราบว่า ไฟไหม้ครั้งนี้เกิดจากอะไร หรือเป็นฝีมือใคร โชคดีที่ขณะเกิดไฟไหม้ นกเหยี่ยว ยังไม่ตื่นตกใจ มีเพียงเสียงร้องเทานั้น
ทั้งนี้ ตลอดทั้งคืนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะจัดเจ้าหน้าที่ และชาวบ้าน คอยเฝ้าระวังไฟตลอดทั้งคืน เพื่อให้แน่ใจว่า ไฟจะไม่ลุกขึ้นมาอีก
ส่วนที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดไฟไหม้ป่าในเขตป่าเขาค้อ ในพื้นที่ หมู่ 6 ตำบลเขาค้อ โดยไฟได้ลุกไหม้เป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความแห้ง ประกอบกับลมแรง และอยู่บนภูเขาสูง ทำให้รถดับเพลิงเข้าไปไม่ได้ ต้องใช้รถไถเข้าไปไถดินเป็นแนวกันไฟป้องกัน เพื่อไม่ให้ลามมาหมู่บ้าน โดยใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงควบคุมสถานการณ์ในวงจำกัดได้
สอบถามชาวบ้าน บอกว่า ในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่การทำการเกษตร ซึ่งชาวบ้านมักจะเผาไร่นา เพื่อการเกษตรบนที่สูง โดยส่วนใหญ่ยังขาดการทำแนวกันไฟ ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ไฟลุกลามจนไม่สามารถควบคุมได้
ด้านนางจันทร์แรม ศรีเดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาค้อ เปิดเผยว่า ทางอำเภอเขาค้อได้เรียกทุกหน่วยงาน ตลอดจนผู้นำหมู่บ้านเข้าประชุม เพื่อออกไปรณรงค์ และประกาศขอความร่วมมือ ประชาชนอย่าจุดไฟเผาป่า หรือหากมีความจำเป็นต้องเผาไร่นา เพื่อการเกษตร ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้ป้องกันได้ ซึ่งหากพบเห็นผู้จุดไฟเผาป่า และ สามารถนำจับได้ ทางอบต.จะมีรางวัลนำจับให้ด้วย
และที่จังหวัดสงขลา เกิดเหตุไฟไหม้ที่หมู่บ้านจัดสรร ถนนเนติกา ซอย 3 ตำบลสะเดา อำเภอสะเดา ตรงข้ามโรงพยาบาลสะเดา โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง นำรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองสะเดา จำนวน 5 คัน เข้าควบคุมสถานการณ์
ที่เกิดเหตุพบไฟกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 29 ของ นายธนรักษ์ สิงแก้ว เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันฉีดน้ำสกัดไฟ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปบ้านหลังข้างเคียง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมไฟได้ โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ในบ้าน มีเพียงนายอนันต์ เหมหมาด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เป็นลม เนื่องจากสำลักควันไฟเท่านั้น
สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังเหมือนประทัดดังติดกัน ประมาณ 4 ถึง 5 ครั้ง จากนั้นก็มีกลิ่นเหม็นไหม้ และมีเปลวไฟลุกขึ้นบริเวณหลังบ้านเกิดเหตุ จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ และโทรศัพท์หาเจ้าของบ้าน
เบื้องต้น ตำรวจยังไม่ระบุสาเหตุของการไฟไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งถึงจะสรุปสาเหตุได้