ป้าที่ก่อเหตุใช้ขวานฟันรถ ตั้งโต๊ะแถลงยืนยันไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ พร้อมเผยตลาดที่อยู่รอบบ้านสร้างความเดือดร้อนมาตลอด 10 ปี

นางสาวบุญศรี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี นางสาวรัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และ นางราณี แสงหยกตระการ เปิดแถลงข่าว หลังใช้พลั่ว และขวานทุบรถกระบะสีขาวของนางสาวรชนิกร เลิศวาสนา ที่จอดขวางหน้าบ้าน ภายในซอยศรีนครินทร์ 55 จนเสียหายตามที่ถูกเผยแพร่ในสังคมออนไลน์เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

นางราณี ยืนยันว่า พยายามบีบแตรนานเกือบครึ่งชั่วโมงให้เจ้าของรถกระบะมาเลื่อนรถออกจากประตูบ้าน เพราะมีธุระสำคัญที่ต้องไป แต่ก็ไม่มีใครมาขยับ จึงใช้ของที่มีในบ้านทำลายสิ่งที่ขวางอยู่หน้าบ้านตามสิทธิ แต่เมื่อเจ้าของรถมาถึงกลับพูดว่า ยังซื้อของไม่เสร็จ และไม่รู้สึกผิด พร้อมมองว่าการทุบรถไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ เพราะเป็นความชอบธรรมในการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง เนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่หมู่บ้านจัดสรร ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ และตัวเองต้องทนเดือดร้อนกับปัญหาจากตลาดมานาน

ตลอด 10 ปี ต้องทนกับเสียงดัง ความสกปรก การขนส่งสินค้าเข้าตลาด การจอดรถกีดขวางทางเข้าออก ทำลายต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมกำแพงบ้าน การแอบอ้างใช้เลขที่บ้านเป็นเลขที่ของตลาด รวมถึงปัญหาการลักลอบใช้ไฟฟ้า จนทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นบาท ที่ผ่านมาได้ฟ้องร้องศาลปกครองแล้ว 3 คดี

ยืนยันว่าไม่คิดที่จะขายบ้านหลังนี้เพราะตั้งใจมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ เพราะติดกับสวนหลวง ร.9 แต่ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นแบบนี้ ถูกตลาดล้อมบ้าน ถึง 9 แห่ง

ส่วนเรื่องที่จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการทำลายรถ 5 หมื่นบาท ขอให้ไปร้องเรียนกับทางกรุงเทพมหานคร เพราะเป็นผู้ที่อนุญาตให้สร้างตลาดนี้ขึ้นมา

คุณธนีนาถ ลิ้มนิธิธรรม ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ยังได้พูดคุยกับเพื่อนบ้านในละแวกนั้น พบว่า ทุกบ้านมีปัญหาเหมือนกันหมด คือ รถจอดขวางหน้าบ้าน จนเข้า-ออกไม่ได้ ทำให้พาผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยไปหาหมอได้ช้า

ขณะที่ชาวบ้านที่มาซื้อของในตลาด ยอมรับว่า เคยมีปัญหาเรื่องที่จอดรถบ่อย แต่ครั้งนี้มองว่า ป้าทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ น่าจะมีวิธีอื่นที่จะทำให้เจ้าของมาเลื่อนรถมากกว่า และตลาดก็เปิดเพียงแค่ช่วงเช้าถึง 10 โมง ไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง

ด้านนายธนะสิทธิ์ เมธพันธ์เมือง ผู้อำนวยการเขตประเวศ เปิดเผยว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นเป็นพื้นที่จัดสรรแบ่งขายตั้งแต่ปี 2526 ซึ่งในปีนั้นกฎหมายยังไม่ได้ครอบคลุมว่าจะต้องสร้างที่อยู่อาศัยเท่านั้น และในปี 2530 หมู่บ้านได้ยกถนนเส้นดังกล่าวให้กรุงเทพมหานครใช้เป็นพื้นที่สาธารณะ ซึ่งทุกคนสามารถใช้สัญจรได้ จึงทำให้ตลาดขยายตัวเพิ่มอีก 5 แห่ง พร้อมขอโทษเจ้าของบ้านที่เกิดปัญหาขึ้นแต่ยืนยันทางเขตดูแลจัดระเบียบมาโดยตลอดและหากศาลมีคำสั่งแบบใดก็จะยินดีปฏิบัติตาม แต่ขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุด

ขณะที่ตำรวจเอกอลงกรณ์ ศิริสงคราม ผู้กำกับการ สน.ประเวศ เปิดเผยว่า ได้ออกหมายเรียกให้ผู้ต้องหาทั้งสองคนมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ โดยแจ้ง 3 ข้อหา คือ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ส่วนการดำเนินคดีกับรถที่กีดขวาง เบื้องต้นได้เปรียบเทียบปรับเจ้าของรถ ในข้อหาจอดรถกีดขวางการจราจร มีโทษปรับ 500 บาท ส่วนการดำเนินคดีในข้อหาก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม เนื่องจากต้องรอให้ทางเจ้าทุกข์แจ้งความก่อน จากนี้จะประชุมร่วมกับสำนักงานเขตประเวศ เจ้าของตลาด เพื่อหาแนวทางการป้องกันแก้ไข ไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้อีก

ทั้งนี้ทีมข่าว ยังได้ไปค้นข้อมูล ที่เป็นภาพในอดีต พร้อมข้อความระบุว่า ทำไมป้าเจ้าของบ้าน ถึงต้องทำขนาดนี้่ เพราะจะเห็นว่ามีตลาดล้อมรอบรั้วบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่บางภาพจะมีเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์จอดอยู่หน้าบ้านด้วย และคนเดินจับจ่ายซื้อของค่อนข้างวุ่นวาย

ป้าทุบรถแถลงไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ-เจ้าของตลาดทำเดือดร้อน