ครอบครัว "น้องเมย" ตั้งทีมทนายช่วยดูแลคดีการเสียชีวิตปริศนา ในโรงเรียนเตรียมทหาร หลังอัยการศาลทหาร มีคำสั่งฟ้องรุ่นพี่บังคับบัญชาในข้อหาทำร้ายร่างกาย ล่าสุดได้หล่อพระ ปางชนะมาร เพื่ออุทิศส่วนกุศล หวังดวงวิญญาไปสู่ภพภูมิที่ดี
นายพิเชษฐ์ นางสุกัลยา และ นางสาวสุพิชา ตัญกาญจน์ พร้อมด้วยญาติพี่น้อง ร่วมกันประกอบพิธีทำบุญเททองหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย หน้าตัก 29 นิ้ว ที่โรงหล่อพระสมานช่างหล่อ ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เพื่อนำถวายวัดวิเวการาม หวังอุทิศบุญกุศลให้กับ นายภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ "น้องเมย " นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก
พ่อ แม่ และ พี่สาว" น้องเมย" กล่าวว่า ล่าสุดได้แต่งตั้งทีมงานทนายความ 5 คน ซึ่งมีความเป็นมืออาชีพมาช่วยดูแล ซึ่ง พี่สาวน้องเมย ระบุว่า ที่ผ่านมาทางครอบครัว เดินหน้าหาหลักฐานต่างๆ จนสุดความสามารถภายใต้การช่วยนำเสนอข่าวสารของสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
หลังจากนี้ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีเชี่ยวชาญ ด้านกฏหมายในการหาคำตอบที่ชัดเจนให้กับครอบครัวต่อไป สิ่งตอนนี้คือยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน ส่วนการหล่อพระพุทธรูปปางมารวิชัย ก็หวังว่า น้องเมย จะได้อยู่ในภพภูมิที่ดียิ่งขึ้น ระหว่างประกอบพิธี แม่ "น้องเมย" ได้มีลางที่ดี บอกให้รู้ว่า "น้องเมย" รับรู้ถึงงานบุญ ที่ทางครอบครัวทำให้ด้วย ทำให้ถึงกับกลั่นน้ำตาไม่อยู่ร้องไห้อีกครั้ง หลังจากทำใจได้สักระยะหนึ่งแล้ว
ขณะที่ นายสาธิต พูนสวัสดิ์พงศ์ หัวหน้าทีมดูแลงานกฎหมายคดี "น้องเมย" ทั้งหมด ซึ่งมาร่วมพิธีได้ให้สัมภาษณ์ว่า เนื่องจากคดีนี้เกิดขึ้นนานแล้ว และ ความคืบหน้าทางคดีเป็นไปค่อนข้างช้า ในช่วงแรกของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นประมาณวันที่ 22-23 ส.ค. 2560 พนักงานอัยการศาลทหาร ได้มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหา ซึ่งเป็นรุ่นพี่บังคับบัญชาไปแล้ว ในข้อหาทำร้ายร่างกาย และ อยู่ระหว่างที่ศาลทหาร จะเรียกตัวจำเลย มาสอบคำให้การ
ซึ่งตัวจำเลย มีสิทธิที่จะปฏิเสธหรือรับสารภาพก็ได้ หากจำเลยรับสารภาพ ศาลก็จะตัดสินไปตามคีด แต่หากปฏิเสธ ศาลก็จะนัดสืบพยานหลักฐาน เพื่อกำหนดว่าฝ่ายอัยการมีสิ่งใดสืบเพิ่มเติมจำเลย มีสิทธิที่จะแต่งทนายขึ้นสืบพยาน เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจต่อไป
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แยกเป็นหลายส่วน คดีอาญาต้องขึ้นศาลทหาร ส่วนค่าสินไหมทดแทน ต้องขึ้นศาลพลเรือนหรือศาลปกครอง ที่สำคัญคดีนี้มีกรณีเกี่ยวกับการตายที่ผิดธรรมชาติ จึงมีการชันสูตรพลิกศพ และ เข้าใจว่าน่าจะขึ้นศาลยุติธรรม เพราะผลการไต่สวนชันสูตรพลิกศพ เป็นจุดสำคัญที่นำไปสู่การดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง แต่ในเบื้องต้นในชั้นไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าผู้ตาย เสียชีวิตเพราะเหตุใดก่อน
ล่าสุด พนักงานสอบสวน สภ.นครนายก ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แก่ แม่ "น้องเมย" ว่า ได้สอบพยายบุคคลไปแล้ว 28 ปาก แต่มีประเด็นหนึ่งที่พนักงานสอบสวนกำลังรอเรื่องคือ ผลตรวจชันสูตรพลิกศพ ที่จัดทำโดยโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ กับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ความเห็นทางวิชาการแตกต่างกัน
ดังนั้น พนักงานสอบสวนจึงแจ้งมายังคุณแม่ว่าอยู่ระหว่างการทำหนังสือถึง เลขาธิการแพทยสภา เพื่อให้ติดต่อไปยังสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย จัดหาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความเห็นถึงความต่างทางวิชาการของทั้ง 2 สถาบัน เพื่อให้ได้รับคำยืนยันว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ
นายสาธิต กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ทีมทนาย อยู่ระหว่างการส่งหนังสือ เพิ่มเติมให้กับทางแพทยสภา หลังทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำหนังสือไปยังแพทยสภา แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ หากระยะเวลาเนิ่นนานไป ทีมทนาย ก็มีสิทธิที่จะสอบถามเข้าไปได้ ในฐานะตัวแทนของแม่ผู้ตาย “เป็นสิทธิของแพทย์สภา และ สิทธิของสมาคมแพทยสภา ที่จะติดต่อไปยังสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทยว่า จะให้ความร่วมมือหรือไม่ก็ได้ ทางญาติขอความเมตตา ว่า ให้ความจริงเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อผลของความจริงออกมาเช่นไร ผลนั้นจะไปต่อยอดทางคดีเอง