เปิดใจหัวอกแม่วัยเลี้ยงเดี่ยวหลังเกิดกรณีหญิงผลักลูก 3 ขวบเสียชีวิตเหตุเครียดแยกทางกับสามีไม่มีคนช่วยเลี้ยงลูก ผู้เชี่ยวชาญแนะนำคนในครอบครัวควรให้กำลังใจเพื่อลดความเครียดป้องกันปัญหา
จากกรณีหญิงอายุ 21 ปี ผลักลูกชายแท้ๆวัย 3 ขวบตกน้ำ เสียชีวิต โดยอ้างว่าเกิดจากความเครียดเรื่องที่เด็กไม่มีคนดูแล ส่วนพ่อเด็กได้เลิกกันนานแล้ว และก็ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูลูกชายเลย ตนรับภาระนี้เพียงคนเดียว จึงตัดสินใจฆ่าลูกชายเพื่อจบปัญหา
นี่ไม่ใช่กรณีแรกที่ความเครียดของแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นต้นเหตุทำให้ผู้หญิงกระทำรุนแรงต่อลูกแท้ๆของตัวเอง ทีมข่าวช่อง 8 มีโอกาสพูดคุยกับแม่เลี้ยงเดี่ยววัย 18 ปีรายหนึ่ง เธอเล่าว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทราบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ขณะนั้นกำลังเรียนอยู่ ด้วยความไม่พร้อม และ กลัวจะเกิดปัญหาครอบครัว รวมทั้งอับอายคนรอบข้าง จึงคิดจะทำแท้งกระทั่งพี่สาวประสานขอคำปรึกษาจากบ้านพักฉุกเฉินเรื่องการดูแลตัวเองและฟื้นฟูสภาพจิตใจ เธอจึงเปลี่ยนความคิดดูแลตัวเองจนคลอดลูก และกลับไปเรียนต่อตามปกติ
ปัญหาของแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้อำนวยการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ สมาคมสถานภาพสตรี ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ผู้ดูแลบ้านพักฉุกเฉินดอนเมือง เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าส่วนใหญ่แม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีความเครียดจะแสดงออกด้วยการทำร้ายลูก เนื่องจากขาดความพร้อมด้านชีวิตคู่ สถานะทางสังคม และเศรษฐกิจ ทำให้แสดงออกผ่านพฤติกรรมรุนแรง ซึ่งอาจเป็นผลมาจากแรงกดดันในสังคมที่มักจะมองว่าปัญหาทุกอย่างเป็นความผิดของผู้หญิง แต่จริงๆแล้วควรมองถึงผู้ชายที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ครอบครัวและคนรอบข้างต้องทำความเข้าใจและยอมรับปัญหาเพื่อลดความเครียดที่จะเกิดกับแม่เลี้ยงเดี่ยว
ในแต่ละปีมีแม่เลี้ยงเดี่ยวจากปัญหาท้องไม่พร้อมเข้ารับการฟื้นฟูจากบ้านพักฉุกเฉินปีละประมาณ 200-300 คน ซึ่งทางบ้านพักฉุกเฉินจะช่วยดูแลฟื้นฟูและให้ความรู้ด้านต่างๆ หากแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ในภาวะเครียดจะมีการให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยา สหวิชาชีพ และจิตแพทย์ เพื่อให้แม่เลี้ยงเดี่ยวเหล่านี้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติอีกครั้ง