สถานการณ์ไฟป่าในหลายจังหวัดทางเหนือยังวิกฤต ที่จังหวัดลำปาง ค่าหมอกควันพุ่งสูงเกินมาตรฐาน ผู้ว่าฯประกาศเตือนประชาชนสวมหน้ากากป้องกัน
เจ้าหน้าที่นำรถน้ำรถดับเพลิง สับเปลี่ยนหมุนเวียนฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นในพื้นที่ หลังปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM 10 เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันเป็นวันที่ 4 แล้ว ล่าสุดวัดได้ 178 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของประชาชน
รวมทั้งเริ่มส่งผลต่อทัศนวิสัยการมองเห็น จากภาพมุมสูงทั่วเมืองลำปางตามถนนต่างๆ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ เริ่มหายใจไม่สะดวก สาเหตุมาจากการลักลอบเผา เพื่อหาของป่าอย่างต่อเนื่อง
นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ออกมาเตือนชาวบ้านทั้ง 13 อำเภอว่า หากจำเป็นต้องอยู่นอกอาคาร ควรสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันการสูดละอองหมอกควันเข้าไป อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
ที่จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่ชุด "เหยี่ยวไฟตาก" สนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เดินเท้าเข้าไปดับไฟป่า ใกล้ชุมชนหนองนกปีกกา หมู่ที่ 3 ตำบลโป่งแดง อำเภอเมืองตากกลางดึก หลังมีชาวบ้านลักลอบเผา เพื่อหาของป่า
โดยเจ้าหน้าที่ต้องกระจายกำลังกันเป็นกลุ่ม ดับไฟท่ามกลางความมืดใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง จึงสามารถคุมไฟป่าได้ ตรวจสอบมีพื้นที่เสียหายประมาณ 80 ไร่
แม้ก่อนหน้านี้ จะเคยประกาศขอความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ ให้งดการเผา ระหว่างวันที่ 10 กุมภาพพันธ์ - วันที่ 10 เมษายน 2561 แล้วก็ตาม ล่าสุด พบผู้ฝ่าฝืน ถูกจับดำเนินคดีแล้ว 18 คน
ส่วนที่จังหวัดขอนแก่น เกิดพายุฝนฟ้าคะนองนานกว่า 1 ชั่วโมง ในเขตเทศบาลเมืองชุมแพ ทำให้ป้ายโฆษณาสังกะสีขนาดใหญ่ และป้ายขนาดเล็กจำนวนมาก ถูกแรงลมพัดปลิวว่อนตกลงมากลางถนน กีดขวางการจราจรหลายจุด
นอกจากนี้ ยังพัดเอาหลังคาบ้าน หลังคาอาคารเรียนภายในโรงเรียนได้รับความเสียหายด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสำรวจ และเข้าช่วยเหลือ ตามระเบียบของทางราชการ
เช่นเดียวกับจังหวัดนครราชสีมา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าเยี่ยมผู้ประสบภัย จากพายุฤดูร้อนพัดถล่ม ในพื้นที่ตำบลบ้านเก่า และตำบลหินดา อำเภอด่านขุนทด กว่า 65 หลังคาเรือน พร้อมมอบถุงยังชีพ และเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ครอบครัวละ 1 พันบาท ส่วนชาวบ้านที่บ้านถล่ม ได้สั่งการให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน มอบเงินช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนแล้ว