เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้าตรวจรับงาช้างของนายเปรมชัย จาก ตำรวจ ปทส. เพื่อนำเก็บรักษาประกอบการดำเนินคดี จนกว่า คดีความจะสิ้นสุด ด้านตำรวจนัด "เปรมชัย" พร้อมภรรยา เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่14 มีนาคมนี้

เจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวดง กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ตรวจวัดขนาด และอัตลักษณ์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ของงาช้าง 2 คู่ ที่ตรวจยึดมาจากบ้านพักของนายเปรมชัย กรรณสูต ผู้ต้องหาในคดีล่าสัตว์ป่า ก่อนจะรับไปจากตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐานในคดี ที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา นายเปรมชัย และภรรยา ในข้อหาครอบครองซากสัตว์ป่า

นายถิรเดช ปาละสุวรรณ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเหยี่ยวดง ยืนยันว่า งาช้างทั้ง 2 คู่นี้ เป็นงาช้างที่ยึดมาจากบ้านนายเปรมชัยจริง และทางกรมอุทยาน จะเก็บรักษาไว้เป็นพยานหลักฐานในคดี จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

ขณะที่ พันตำรวจเอกมงคล พรานสูงเนิน ผู้กำกับการ 1 ปทส. เปิดเผยว่า นายเปรมชัย ขึ้นทะเบียนงาช้าง 2 คู่ว่า เป็นงาช้างบ้านซึ่งระบุว่า เป็นมรดกตกทอดมา แต่ภายหลังการตรวจพิสูจน์ พบว่า เป็นงาช้างแอฟริกา จึงต้องแจ้งข้อกล่าวหาตามขั้นตอนทางกฎหมาย

และนัดนายเปรมชัย พร้อมภรรยา รวมทั้งนางสาววันดี สมภูมิ ซึ่งเป็นผู้รับรองว่า เป็นงาช้างบ้าน มารับทราบข้อกล่าวหา ที่ ปทส. ในวันที่ 14 มีนาคม นี้

ขณะที่พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าสำนวนคดีของนายเปรมชัย ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7

พลตำรวจเอก ศรีวราห์ กล่าวว่า มาเร่งรัดสำนวน และเก็บคำให้การและพยานหลักฐาน ซึ่งคดีดังกล่าว จะสามารถยื่นฟ้องต่อพนักงานอัยการ ทันวันที่ 26 มีนาคม 2561 แน่นอน สำหรับความคืบหน้าของคดี ยังรอผลตรวจพิสูจน์จากกรมอุทยานบางส่วน ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปเร่งรัดผลตรวจ เพื่อมาประกอบสำนวนแล้ว

ส่วนการแจ้งข้อหาการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ ทางคณะทำงานจะต้องมาชี้แจงก่อนว่า จะเข้าข่ายข้อหาดังกล่าวหรือไม่ จะมีความชัดเจนในช่วงบ่าย พร้อมยืนยันว่า ไม่หนักใจ กฏหมายไม่จนรวย อยู่ที่หลักฐาน ไม่ใช่คำรับของผู้ต้องหา และกระแสการโจมตีผ่านโชเซียลไม่มีผลต่อการทำงาน แต่กระแสดังกล่าวอาจจะทำให้สำนวนคดีอ่อนลง

ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง ความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ว่า ยืนยันว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนตัว พลตำรวจเอกศรีวราห์ ในการทำคดี เพราะทำงานดี เป็นคนตรงไปตรงมา แต่อาจจะติดที่คำพูด ส่วนการดำเนินคดีก็ให้เป็นเรื่องของตำรวจ ที่ต้องหาพยานหลักฐาน โดยต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนกระแสสังคมที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ก็ถือเป็นอีกเรื่อง อีกทั้งการแสดงออกของประชาชน ทางรัฐบาลก็ไม่สามารถห้ามได้ แต่รับรองว่า ไม่มีใครช่วยเหลือนายเปรมชัยได้ ซึ่งคดีนี้ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว