หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุพายุพัดถล่มในพื้นที่ ภาคอีสาน ซึ่งที่ จ.บุรีรัมย์ พบ บ้านพังกว่า 200 หลัง หนักสุดในรอบ 30 ปี

พลตรี เดชอุดม นิชรัตน์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก จังหวัดบุรีรัมย์ นำกำลังพล ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือนราษฎร ที่ถูกพายุฝนและลูกเห็บถล่มพัดพังเสียหาย ในเขตพื้นที่ ตำบลหนองโดน อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา

เบื้องต้น พบว่า มีพายุฝนและลูกเห็บพัดถล่มคืนเดียว ทั้งตำบลหนองโดน รวม 8 หมู่บ้าน มีบ้านเรือนราษฎร ยุ้งข้าว และ วัด เสียหาย รวมกว่า 220 หลัง ในจำนวนนี้มีบ้านที่เสียหายหนัก 20 หลัง ศาลาการเปรียญวัดหนองจิก ตำบลหนองโดน ที่กำลังบูรณะปรับปรุงถูกพายุดพัดฝ่าเพดานพังลงมาทั้งหมด คาดว่า เสียหายกว่า 200,000 บาท โชคดีที่ไม่มีพระสงฆ์ หรือ คนงานบาดเจ็บ

และ ยังมีต้นไม้ขนาดใหญ่ เสาไฟฟ้า กว่า 10 ต้น โค่นล้มทับสายไฟฟ้า บนถนนสายลำปลายมาศ – นางรอง ทำให้กระแสไฟฟ้าดับนานหลายชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าก็ได้เร่งซ่อมแซม เพื่อให้ไฟฟ้าสามารถใช้การได้ตามปกติโดยเร็ว ซึ่งเหตุการณ์พายุถล่มในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงและหนักสุดในรอบ 30 ปี

โดยกำลังทหาร ได้เร่งลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือซ่อมแซมบ้านเรือน ที่ถูกพายุพัดพังเสียหาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรผู้ประสบภัย โดยทางองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโดน ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือด้านวัสดุอุปกรณ์ในเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยที่มีฐานะยากจน ที่ถูกพายุพัดถล่มบ้านพังเสียหายทั้งหลัง โดยเฉพาะ 20 หลังที่เสียหายหนัก เพื่อให้ชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัยได้ตามปกติโดยเร็ว

ทั้งนี้ หน่วยงานในพื้นที่ จะได้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อรายงานอำเภอ จังหวัด เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน ต่อไป

ส่วนที่ จังหวัดนครราชสีมา ทหารจากกรมทหารราบที่ 23 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ นครราชสีมา ชุดประสานงานประจำพื้นที่กว่า 20 นาย ร่วมกับ หน่วยงานราชการในพื้นที่ เข้าไปช่วยเหลือเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนที่พักอาศัยให้กับประชาชนในบ้านหัวหนองหมู่ที่ 6 และ บ้านโนนสูงหมูที่ 10 ตำบลนางรำ อำเภอประทาย ภายหลังได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนได้รับความเสียหายมากกว่า 100 หลัง เมื่อคืน วันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา

สำหรับ บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ส่วนใหญ่หลังคาบ้านจะมุงด้วยสังกะสี เมื่อถูกแรงลมพัดจะปลิวหลุดออกไปจากตัวบ้านง่าย จึงเกรงว่า ถ้ามีฝนตกลงมาอีก ทำให้บ้านเรือนและทรัพย์สินของประชาชน ที่ไม่มีหลังคามุงอยู่เปียกน้ำได้รับความเสียหายและเดือดร้อนซ้ำเติมอีก จึงต้องเร่งซ่อมแซมหลังคาบ้าน ให้กับประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก

โดย ถือว่า เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ไม่ต้องจ้างแรงงานช่างมาซ่อมแซม

ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ส่งชุดเจ้าหน้าที่การไฟฟ้า เข้าไปแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งตรวจสอบระบบสายไฟฟ้า ภายในบ้านเรือนประชาชน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ก่อนที่ประชาชนจะกลับเข้าไปอาศัยในบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย

และที่ จังหวัดสกลนคร จากการสำรวจความเสียหายจากเหตุพายุพัดถล่ม เบื้องต้น มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้ 9 คน มีบ้านเรือนประชาชน ในพื้นที่บ้านสร้างขุ่ย ตำบลพังโคน เสียหาย 20 หลังคาเรือน ธนาคารข้าวเปลือก ถูกต้นไม้ล้มทับเสียหลายทั้งหลัง ส่วนในพื้นที่บ้านคำเจริญ ตำบลม่วงไข่ อำเภอพังโคน เสียหาย 11 หลังคาเรือน และ มีต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากโค่นล้ม เสาไฟฟ้าแรงสูง ริมถนนนิตโย สายพังโคน – อุดรธานี โค่นล้ม จำนวน 22 ต้น

ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สาขาพังโคน ขอรับสนับสนุนรถโมบายปั่นกระแสไฟฟ้า จากสำนักงานเขตอุดรธานี มาจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ประชาชนในพื้นที่ ได้มีไฟฟ้าใช้ และ จะมีการเร่งซ่อมแซมเสาไฟฟ้าที่เสียหายให้กลับมาใช้การได้โดยเร็ว

ด้าน ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย มณฑลทหารบกที่ 29 ได้ส่งชุดกำลังพลลงพื้นที่ช่วยตัดต้นไม้ ที่ล้มทับบ้านเรือน และ รื้อสิ่งเศษซากสังกะสีและไม้ ที่อาจจะก่อให้เกิดอันตราย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาสำรวจเพื่อประเมินความเสียหายต่อไป

ระดมกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยถูกพายุฝนถล่ม