เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เริ่มปรับลดการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนลดลงอย่างรวดเร็ว จนเริ่มมองเห็นเนินดินและโขดหิน ขณะที่ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยืนยัน จะบริหารจัดการน้ำในเขื่อนให้เพียงพอต่อการใช้ในช่วงฤดูแล้ง
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เริ่มปรับลดการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน จากเดิมที่เปิดประตูระบายน้ำ 7 บาน ให้เหลือเพียงบานเดียว เพื่อลดปริมาณการปล่อยน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนขณะนี้ ได้ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากภาพมุมสูง จะปรากฏ เนินดินและสันดอนต่างๆ ทอดเป็นแนวยาวไปยังประตูระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธ์
ด้าน นายศุภชัย มโนการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้ (18 มีนาคม 2561) อยู่ที่ 485.69 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 50.59 จากปริมาณเก็บกักสูงสุด 960 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยไม่มีปริมาณน้ำที่ไหลลงอ่างเก็บน้ำ แต่ยังคงมีการระบายน้ำออกลงสู่ท้ายเขื่อน โดยปัจจุบันได้เปิดประตูระบายน้ำเพียงแค่ 1 บาน ระบายน้ำลงท้ายเขื่อนอยู่ที่ 2.60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศ การอุปโภค บริโภค ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตรกรรมตอนล่าง ตลอดจนการผลักดันไล่น้ำเค็ม ซึ่งปัจจุบันปริมาณน้ำเค็มรุกเข้ามาเร็วกว่าปกติ ทางกลมชลประทานจะต้องนำน้ำส่งไปช่วยผลักดันน้ำเค็มที่รุกเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยา เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม นายศุภชัย มโนการ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ กล่าวยืนยันว่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จะบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ ตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้ อย่างแน่นอน โดยกรมชลประทาน ได้จัดโครงการ R sguare project ร่วมกับกรมฝนหลวง และการบินเกษตร เตรียมขึ้นบินทำฝนหลวง เพื่อเพิ่มเติมปริมาณน้ำต้นทุน ให้กับเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในภาพรวม ได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดช่วงแล้งนี้ ไว้รองรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนไว้ก่อนหน้าแล้ว
Cr.สมบูรณ์/ลพบุรี