เรือหางยาวนำเที่ยว 2 ลำ ชนในเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน นักท่องเที่ยว 13 ชีวิตต้องลอยคอในน้ำ ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก ล่าสุด ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 2 คน ส่วนคนขับเรือ พบใช้สารเสพติด 1 คน

อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายวานนี้ (15 เม.ย.) ภายในอ่างเก็บน้ำเขื่อนเชี่ยวหลาน หรือเขื่อนรัชชประภา ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ. สุราษฎร์ธานี ห่างจากท่าเที่ยบเรือเทศบาลเชี่ยวหลาน 500 เมตร

ที่เกิดเหตุพบเรือหางยาวนำเที่ยว 2 ลำชนกัน พบว่า เรือพรหมทองใหญ่ สภาพพังเสียหาย เรือแตกลอยอยู่บนผิวน้ำ หลังชนกับเรือจุฑารัตน์ สภาพหัวเรือด้านหน้าพังเสียหาย ทำให้นักท่องเที่ยว 13 คน ที่อยู่ในเรือทั้ง 2 ลำ ซึ่งสวมเสื้อชูชีพทุกคนลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำ ได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทก

เจ้าหน้าที่นำส่งนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านตาขุน ในจำนวนนี้ 2 คน ยังนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล คือ นางสาวศิรินุช แสงแก้ว ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนางสาวคนนึงณัฐ คินธร ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนที่เหลือสามารถกลับบ้านได้

โดยนายวิชชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยตำรวจ และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปเยี่ยมผู้ ให้กำลังใจ และแจ้งสิทธิในการดูแลช่วยเหลือ

สอบสวนทราบว่า เรือจุฑารัตน์มีนายบำรุง มะธุระ อายุ 48 ปี เป็นคนขับบรรทุกผู้โดยสารมา 4 คน กำลังนำนักท่องเที่ยวเข้าไปบริเวณอ่างเก็บน้ำ ไปชนกับเรือพรหมทองใหญ่ที่มีนายสง่า มะธุระ เป็นคนขับบรรทุกผู้โดยสาร 9 คน กำลังวิ่งเข้ามาส่งผู้โดยสารกลับขึ้นฝั่ง ต่างฝ่ายต่างขับมาด้วยความเร็ว เกิดการตัดหน้ากัน

จากการคุมตัวมาตรวจปัสสาวะ พบว่า คนขับเรือ 1 ในนั้นใช้สารเสพติด (ยังไม่ระบุว่า เป็นคนใด) ตำรวจได้ส่งตัวคนขับเรือทั้ง 2 ลำ ไปตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หากพบเป็นสารเสพติด จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป

ทั้งนี้ นายวิชชวุทย์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน เร่งตรวจสอบและแก้ไข จัดระเบียบคนขับเรือ เนื่องจากพบว่า มีการใช้สารเสพติด ขอให้ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

พร้อมทั้งขอให้เคร่งครัดเรื่องเสื้อชูชีพ เมื่อลงเรือไปเที่ยว เพื่อความปลอดภัย ตามที่ทำ MOU กันไว้ว่า หากไม่มีการสวมเสื้อชูชีพ ทางเจ้าหน้าที่ ห้ามนำเรือออกรับผู้โดยสารโดยเด็ดขาด และเรือทุกลำต้องทำประกัน รวมถึงต้องดูแลค่ารักษาพยาบาล ทั้งในส่วนโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน

เรือพุ่งชนสนั่นกลางเขื่อนเชี่ยวหลาน13ชีวิตลอยคอบาดเจ็บจากแรงกระแทก