ผู้บังคับการกองปราบปราม ยืนยัน ยังไม่ต้องเรียกพระชั้นผู้ใหญ่ มาสอบสวน หลัง ปปง. นำหลักฐานเส้นทางการเงินมอบให้ตรวจ เพราะต้องรวบหลักฐานให้ชัดเจนก่อน ขณะที่ ภาคพลเมืองขอนแก่น ยื่นหนังสือส่งถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ปกป้อง ผอ.พศ จากกลุ่มมาเฟีย เงินทอนวัด
ปปง. นำหลักฐานแจ้งความกองปราบคดีเงินทอนวัด
เจ้าหน้าที่กองคดี 4 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. นำหลักฐานเส้นทางทางการเงินในคดีเงินทอนวัด เข้าพบ ผู้บังคับการกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการออกหมายเรียก พระสงฆ์ ที่มีรายชื่อ โดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่ในวงการพระพุทธศาสนา
โดย พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม บอกว่า หลังได้รับการประสานข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางทางการเงินในคดีเงินทอนวัด ยืนยันว่า ยังมีขั้นตอนและรายละเอียดในการดำเนินการอีกจำนวนมาก ยังไม่ถึงขั้น ออกหมายเรียกพระผู้ใหญ่มาสอบปากคำ ต้องรวบรวมหลักฐานและประสานงานกับ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เพื่อหารือต่อไป
เบื้องต้น มีรายงานข่าวระบุว่า คดีเงินทอนวัด เริ่มต้นจากข้าราชการ นำเงินทุจริตไปบริจาคให้กับพระสงฆ์ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ปปง. ได้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน จนพบว่า มีการฟอกเงินในวงการพระพุทธศาสนาเป็นวงกว้าง และ มีความผิดชัดเจน จึงนำหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจกองปราบดำเนินการ
ภาคพลเมืองขอนแก่น วอนนากยกฯ ปกป้อง ผอ.พศ. สู้มาเฟียเงินทอนวัด
ส่วนความเคลื่อนไหวที่จังหวัดขอนแก่น นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมือง นำคณะกรรมการและสมาชิก ยื่นหนังสือถึง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จังหวัดขอนแก่น เพื่อส่งถึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้อง 5 ข้อ ให้ปกป้องข้าราชการ ผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริต
นายตุลย์ บอกว่า การสืบสวนสอบสวน ความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัด ขณะนี้ทุกหน่วยงาน ได้ดำเนินการตามกรอบกฎหมาย แต่กลับมีกลุ่มบุคคล ที่มีผลประโยชน์ และมีเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คุกคาม และเรียกร้องให้ย้าย พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ) ถือเป็นการคุกคาม ข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าอันถูกต้องชอบธรรม จึงต้องการให้กำลังใจ และให้ นายกรัฐมนตรี ปกป้องคณะทำงานทุกคน ที่ยืนหยัดต่อสู้และทำตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย
ส่วนคดีทางอาญา มีคืบหน้าอย่างมาก ภาคพลเมืองอยากให้ ดำเนินคดีกับพระเถระทุกรูปที่กระทำผิดกฎหมาย โดยไม่ละเว้น รวมทั้งดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ละเมิดกฎหมายในเรื่องดังกล่าวทุกคน
นายตุลย์ บอกอีกว่า กลุ่มที่ เรียกร้องให้ปลด พันตำรวจโท พงศ์พร นั้น พบว่า เป็นกลุ่มจัดตั้ง มีมาเฟียพระ และ ผู้ที่เสียผลประโยชน์ จากการตรวจสอบค่อยหนุนหลัง
เจ้าอาวาสชี้แจง ส่งมอบเงิน 10 ล้านคืน พศ.หมดแล้ว
ด้าน จังหวัดอุดรธานี พระโสภณพุทธิธาดา เจ้าอาวาสวัดดงเมือง ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่ ปปป. ลงพื้นที่ตรวจสอบ การโอนเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม ประมาณ 10 ล้านบาท เมื่อ 5-6 ปีก่อน หลังตกเป็น 1 ใน 7 วัด ที่ ปปป.นำสำนวนคดีเงินทอนวัดล็อต 3 ส่งมอบให้กับ ป.ป.ช.ตรวจสอบว่า
เจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบเพื่อมาหาข้อมูลว่า เมื่อเงินเข้ามาแล้ว นำไปทำอะไร มีโครงการที่ขอไปทางสำนักพุทธฯหรือไม่ แล้วได้ทำอะไร อย่างไร กับเงินที่โอนเข้ามา ซึ่งทางวัดก็ได้ชี้แจงไปตามข้อเท็จจริงแล้วว่า
เมื่อประมาณ 5-6 ปี ก่อนมีการแจ้งการโอนเงินเข้ามาให้ทางวัดจริง แต่เป็นเงินจำนวนที่สูงมาก ทางวัดจึงประชุมร่วมกับคณะกรรมการสถานศึกษา เพราะไม่ได้เสนอโครงการในส่วนนี้ไป ก่อนมีมติให้ส่งเงินคืน เพื่อไปนำไปจัดการศึกษาที่วัดอื่น ซึ่งได้จัดการโอนคืนไปจนหมดแล้ว
ยืนยันว่า วัดและพระ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตนี้ เป็นส่วนของเจ้าหน้าที่ของ พศ. และ ก็ได้มอบหลักฐานทั้งหมดที่มี ให้เจ้าหน้าที่ ปปป. ไปตรวจสอบแล้ว
พบวัดลำปางสร้างศาลาการเปรียญหรู งบกว่า 10 ล้าน
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบ ศาลาการเปรียญมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ที่วัดต้นธงชัย อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง หลังถูกระบุ เป็น 1 ใน 7 วัดของรายชื่อที่เข้าข่ายทุจริตเงินทอนวัด
ปรากฏว่า บรรยากาศในวัดเป็นไปอย่างเงียบเหงา สอบถามไปยังเจ้าอาวาสของวัด ทราบว่า ได้เดินทางออกนอกพื้นที่ไปทำธุระต่างจังหวัด ยังไม่กลับเข้ามาที่วัด
ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์ สอบถาม นาย จินดา ต้อขัดคำ มัคทายกของวัด และ ผู้ใหญ่บ้านต้นธงชัย บอกว่า ศาลาการเปรียญ ติดริมน้ำวัง เพิ่งเสร็จใหม่และมีการเฉลิมฉลองไป เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีการตกแต่งลายฉลุด้วยความประณีตและเป็นงานฝีมือ ด้านข้างปูหินอ่อนอย่างดี ที่ผ่านมาเคยมี เจ้าหน้าที่ พศ. เข้ามาตรวจสอบเรื่องการทุจริตเงินทอนวัด ไปแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งตนเอง ไม่ทราบรายละเอียด มากนัก แต่ทราบว่า เงินที่ได้มานั้น ส่วนหนึ่งนำไปสร้างศาลาการเปรียญดังกล่าว
ชาวบ้านนครศรีธรรมราช ข้องใจ วัดถูกระบุชื่อทุจริต ไม่ตรงกับชื่อวัด
ส่วนที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช การตรวจสอบครั้งล่าสุดของ สำนักงานพระพุทธศานาแห่งชาติ พบวัด 2 แห่ง ถูกระบุว่า เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินทอน คือ วันมุขธาราราม และ วัดท่าพญา
ผู้สื่อข่าว เข้าตรวจสอบที่วัดมุขธารา ตำบลปากนคร ซึ่งปัจจุบัน มีพระครูมุขธรรม ธารารักษ์ เป็นเจ้าอาวาส สภาพวัด มีการบูรณะปฏิสังขรณ์ในส่วนของเขตสังฆาวาสอย่างร่มรื่นสวยงาม ส่วนบริเวณโบสถ์ อยู่ระหว่างการปรับปรุง ส่วนเจ้าอาวาสวัด ติดกิจนิมนต์ จึงไม่สามารถให้รายละเอียดข้อมูลที่เกิดขึ้นได้
ขณะที่ ชาวบ้าน แจ้งว่า ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนา อาจมีข้อผิดพลาด ควรระบุพื้นที่อำเภอให้ชัดเจนเนื่องจาก พบว่า วัดมุขธารา อยู่ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ไม่เคยมีสร้อยท้ายคำว่า “ราม” มาก่อน ส่วน วัดท่าพญา ที่อำเภอปากพนัง มีถึง 2 ชื่อ คือ “วัดท่าพญา” “วัดปากบางท่าพญา” ขณะนี้กำลังตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดถึงความถูกต้อง