รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน แม้นายเปรมชัย กรรณสูต จะปฏิเสธ ไม่ได้ฆ่าเสือดำ แต่ไม่กระทบสำนวนคดี เพราะยืนยันทำตามหลักฐาน และ ศาลเป็นผู้ตัดสิน
พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึง กรณีที่ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ยืนยัน ในงานประชุมผู้ถือหุ้นว่า ไม่ได้ฆ่าเสือดำ ว่า สำนวนของพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจ ได้สรุปความเห็นส่งพนักงานอัยการไปแล้ว ว่าร่วมกันดำเนินการล่าสัตว์ป่า ทางพนักงานอัยการ มีความเห็นฟ้องแล้วเรื่องการล่าสัตว์ป่า
ดังนั้น กระบวนการยุติธรรม ต้องไปสิ้นสุดกันที่ศาล ไม่ว่านายเปรมชัย จะยืนยันอย่างไร ตนเองก็ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐาน ต้องดำเนินการไปตามนั้น ส่วนที่ ตั้งข้อสงสัยว่า นายเปรมชัย อาจจะหลุดคดีนั้น ขอสังคมอย่าคิดแทนอัยการ อย่าคิดแทนศาล
ส่วนที่มีข้อสังเกต ว่า ตำรวจจะหยิบประเด็นเล็กน้อย มาดำเนินการ แทนประเด็นการล่าสัตว์ พลตำรวจเอก ศรีวราห์ บอกว่า ทุกประเด็นเป็นเรื่องที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร้องทุกข์มา ก็ต้องดำเนินการสอบสวนให้ครบถ้วน ตามที่ร้องทุกข์ จะเล็กน้อย หรือ ใหญ่แค่ไหน ไม่เกี่ยว เกี่ยวว่าจะผิด หรือ ไม่ผิดมากกว่า
เมื่อถามว่า ขณะนี้สังคมมอง ว่า นามสกุลของนายเปรมชัย อาจมีผลต่อกระบวนการยุติธรรม พลตำรวจเอก ศรีวราห์ บอกว่า "นามสกุล" ไม่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย กฎหมาย ระบุไว้ว่า คุณทำผิด ทำถูกหรือไม่ ยืนยันการดำเนินคดี รวมหลักฐานและพิจารณาไปตามกฎหมายบ้านเมือง เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ
โดยก่อนหน้านี้ นายเปรมชัย บอกระหว่างประชุมผู้ถือหุ้นบริษัท ระบุว่า “ผมไม่ได้ทำ ผมก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ได้โทรสอบถามทุกกรมทุกกระทรวง ก็มีแต่คนเห็นใจผม”
อธิบดีกรมอุทยานฯ ยัน ติดตามคดีล่าสัตว์ถึงที่สุด
ส่วน นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามคดีล่าสัตว์ป่า ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก บอกว่า หลังที่อัยการภาค 7 เห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา และไม่สั่งฟ้อง 5 ข้อหานั้น อยู่ระหว่างขั้นตอนของพนักงานสอบสวน ดำเนินเรื่องทำความเห็นแย้ง ไปยังอัยการภาค 7
หากพนักงานสอบสวนมีความคืบหน้า กระทรวงทรัพยากรฯ โดยคณะกรรมการ จะเตรียมประชุมหารือถึงแนวทางปฏิบัติต่อไปอีกครั้ง ยืนยัน จะติดตามคดีนี้ จนสิ้นสุดตามที่ พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำชับไว้ **ส่วนที่ นายเปรมชัย พูดว่า ได้โทรศัพท์สอบถามทุกกรม ทุกกระทรวง มีแต่คนเห็นใจนั้น ยืนยัน นายเปรมชัย ไม่ได้โทรศัพท์หาตนเองแน่นอน เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และตนเอง ก็ไม่มีเบอร์ นายเปรมชัย ด้วย
อสส.เตรียมชี้ขาด ความเห็นแย้งฟ้อง 3 ข้อหา ก่อน 30 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ มีรายงานความคืบหน้า การพิจารณาความเห็นแย้งอัยการ ของตำรวจภูธรภาค 7 ที่ให้ฟ้องนายเปรมชัย อีก 3 ข้อหา คือ 1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.ร่วมกันมีเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ป่า 3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยืนยันให้ฟ้องผู้ต้องหาร่วมอีก 3 คนนั้น
อัยการสำนักงาน ชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ได้พิจารณาความเห็นแย้งของตำรวจเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมเสนอให้นายกิตติ บุศยพลากร รองอัยการสูงสุด พิจารณากลั่นกรองตามลำดับชั้น โดยนำเสนอความเห็น พร้อมสำนวนความเห็นแย้งของตำรวจ ให้อัยการสูงสุด พิจารณาขี้ขาด คาดว่า จะมีความเห็นชี้ขาดคดี ได้ทัน ในวันจันทร์ที่ 30 เมษายนนี้ ซึ่งครบกำหนดฝากขังนัดสุดท้าย
"เปรมชัย - ภรรยา " ถูกฟ้อง ร่วมกันครอบครองงาช้างแอฟริกาแล้ว
มีรายงานด้วยว่า สำหรับคดีครอบครองงาช้างแอฟริกา 2 คู่ ที่เป็นของต้องห้าม ซึ่งอยู่ในบ้านพัก ของนายเปรมชัย และ พบว่า นางคณิตตา กรรณสูตร ภรรยาของนายเปรมชัย มีชื่อเป็นผู้ครอบครอง และ มี นางสาว วันดี สมภูมิ เป็นพยานรับรอง จนตกเป็น ผู้ต้องหาฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (งาช้างแอฟริกา ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันนำหรือพาของที่ยังไม่ได้เสียภาษี เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
และ พนักงานสอบสวน ปทส. ได้สรุปสำนวนพยานหลักฐาน พร้อมความเห็นส่งให้อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 2 เมื่อช่วงสิ้นเดือน มีนาคม ที่ผ่านมานั้น ล่าสุด อัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจฯ มีคำสั่งให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คนแล้ว เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา โดยศาลอาญา นัดสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ เวลา 08.30 น.