ตำรวจจับกุม 3 หนุ่ม ชาวฮ่องกง แจ้งความเท็จ กุเรื่องถูกคนขับรถตุ๊กตุ๊ก จี้ชิงทรัพย์ แต่เมื่อสอบปากคำกลับให้การไม่ตรงกัน สุดท้ายยอมจำนนด้วยหลักฐาน สารภาพ ต้องการใบแจ้งความไปเรียกค่าสินไหมทดแทนจากประกันภัยกว่า 2 แสนบาท
พลตำรวจตรี สุรเชรษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เข้าสอบปากคำ 3 นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง หลังอ้างว่า ถูกคนขับรถตุ๊กตุ๊ก ใช้อาวุธมีด จี้ชิงทรัพย์ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง กล้องถ่ายรูป 2 กล้อง และ เงินสดรวม 45,000 บาท ระหว่างเดินทางจากหน้าห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลเวิลด์ กลับไปยังโรงแรมย่านศาลาแดง โดยเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา
โดยในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่สอบปากคำ พบพิรุธหลายอย่าง และให้การไม่ตรงกัน ตำรวจจึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่า นักท่องเที่ยวทั้ง 3 คน ไม่ได้ขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก ตามที่กล่าวอ้าง แต่ขึ้นรถเก๋งสีขาว ที่มาจอดรอรับอยู่บริเวณหน้าห้าง เป็นรถรับจ้างส่วนบุคคล พาไปส่งยังโรงแรมโดยปลอดภัย
พลตำรวจตรี สุรเชรษฐ์ บอกว่า จากพยานหลักฐาน แสดงให้เห็นว่า นักท่องเที่ยว ชาวฮ่องกงทั้ง 3 มีพฤติการณ์แจ้งความเท็จ ตำรวจจึงเชิญตัวมาสอบสวนเพิ่ม และเมื่อเปิดวงจรปิดทั้งหมดให้ดู ทั้ง 3 คนก็จำนนด้วยหลักฐาน ยอมรับสารภาพว่า แจ้งความเท็จ เพื่อหวังเอาใบบันทึกการแจ้งความ ไปเรียกค่าสินไหมทดแทน จากประกันภัยที่ทำไว้ มูลค่า 2 แสน 5 หมื่นบาท
การกระทำดังกล่าว ถือว่า ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกลุ่มสามล้อบริการนักท่องเที่ยว ยืนยันว่าในประเทศไทย ไม่มีเรื่องดังกล่าว หรือหากใครทำเรื่องเช่นนี้ จะต้องถูกดำเนินคดีแน่อนอน
เบื้องต้น ตำรวจ แจ้งข้อหา แจ้งความเท็จ โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับ 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนควบคุมตัวส่งฟ้องศาล หลังดำเนินคดีเสร็จ จะผลักดันกลับประเทศ และขึ้นบัญชีดำ ห้ามเข้าประเทศไทยอีก