ขบวนการขนย้ายชาวโรฮิงญาประสบอุบัติเหตุขณะหลบหนีด่านตรวจ ผู้ขับขี่หลบหนี ทิ้งชาวโรฮิงญา 8 คนไว้ริมถนน เผยจ่ายเงิน 5 หมื่นบาทให้นายหน้าเป็นค่าเดินทางไปมาเลเซีย
แม้ว่าการปราบปรามขบวนการค่ามนุษย์ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาจะเป็นไปด้วยความเข้มข้น แต่ขบวนการขนย้ายชาวโรฮิงญา เข้าสู่ประเทศไทยเพื่อมุ่งหน้าต่อไปยังประเทศที่ 3 ยังคงปรากฏอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดวันนี้ (8 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้ตั้งด่านความมั่นคงบริเวณถนนสาย 408 ช่วงชุมชนตลาดการะเกด ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ พบรถยนต์กระบะโตโยต้าตอนครึ่งทะเบียน บร-4370 นครศรีธรรมราช พยายามถอยหลังหลบหนีก่อนถึงด่านตรวจ และไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถยนต์ที่แล่นตามมา และพยายามหลบหนีอย่างต่อเนื่อง แต่เจ้าหน้าที่ก็สกัดไว้ได้ เนื่องจากรถยนต์ได้รับความเสียหายอ่างห้องเครื่องแตกไม่สามารถหลบหนีต่อได้ ตรวจค้นรถพบเพียงชาวโรฮิงญาจำนวน 8 คน เป็นหญิง 5 คน ชาย 3 คน เดินออกจากตัวรถและเดินไปไหนไม่ถูก ขณะที่ผู้ขับขี่ทราบภายหลังว่าเป็นชาวไทยได้หลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึงตัวรถแล้ว
ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้นำตัวชาวโรฮิงญาไปยัง สภ.การะเกด โดยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นผ่านล่าม นายอะบาลูกูซอล อายุ 20 ปี หนึ่งใน 8 ชาวโรฮิงญาได้ความว่า ทั้ง 8 รายเดินทางมาจากจังหวัดซิตตะเว รัฐยะไข่ โดยจ่ายเงินให้กับนายหน้ารายละ 3 ล้านจ๊าด หรือราว 5 หมื่นบาทต่อราย โดยจ่ายครึ่งหนึ่งที่ยะไข่ จากนั้นอีกครึ่งที่ย่างกุ้ง ก่อนที่จะเดินทางออกจากเมียนมา ข้ามแม่น้ำผ่านช่องทางธรรมชาติของประเทศไทย แล้วนั่งโดยสารประจำทางมายังจุดนัดหมายโดยไม่รู้ว่าเป็นจุดใด ก่อนที่จะมีนายหน้าชาวไทยไปรับตัวเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 1 ทุ่ม โดยยึดโทรศัพท์มือถือทั้งหมดไว้ จากนั้นนั่งรถมาราว 12 ชม. เพื่อไปยัง อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับไว้ได้ ชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ยังยืนยันด้วยว่า ขณะที่ข้ามแดนเข้าสู่ประเทศไทยมาราว 20 คน แต่ได้แยกย้ายกันเดินทางโดยไม่รู้ว่าใครไปไหนบ้าง
ขณะที่ พ.ต.ท.ยรรยง หิรัญบูรณะ สารวัตรใหญ่หัวหน้าสถานีตำรวจภูธรการะเกด เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถระบุประเด็นข้อกฎหมายในการเข้าเมืองของชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ได้ โดยจะต้องรอทีมสหวิชาชีพ ในการสอบสวนคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์เข้าทำการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อดำเนินการทางกฎหมายอย่างถูกต้อง
อย่างไรก็ตามมีรายงานเพิ่มเติมว่า ถนนสาย 408 เป็นเส้นทางสายสำคัญที่ขบวนการค้ามนุษย์ได้เลือกเป็นเส้นทางในการนำชาวโรฮิงญาจากจังหวัดชายทะเลฝั่งตะวันตกของประเทศไทย มุ่งหน้าไปยัง อ.สะเดา อ.ปาดัง-เบซา จ.สงขลา โดยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2558 สภ.หัวไทร ซึ่งอยู่ห่างจากจุดจับกุมครั้งนี้ไปเพียง 10 กม. บนถนนเส้นเดียวกัน มีการจับกุมชาวโรฮิงญาได้กว่า 100 คน พร้อมนายหน้าและผู้ขนส่งจนนำไปสู่การทลายเครือข่ายการค้ามนุษย์ครั้งสำคัญของประเทศไทย
Cr.กฤษณะ/นครศรีธรรมราช