ชุดปฏิบัติการฉลามขาว สนธิกำลังตรวจยึดพื้นที่เพิกถอน นส.3 กว่า 400 ไร่ แต่ยังถูกนายทุนนามสกุลดัง ยึดครองทำนากุ้ง สวนปาล์ม มานานกว่า 10 ปี ตรวจหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียว พบพื้นที่ข้างเคียงอีกจำนวนมาก เข้าข่ายออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ

นายนักรบ ณ ถลาง นายอำเภอเมืองชุมพร เป็นประธานการประชุมวางแผนปฏิบัติการตรวจยึดพื้นที่บุกรุกป่าชายเลน ตามนโยบายรัฐบาล โดยที่ประชุมได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่ตรวจยึด ซึ่งเป็นป่าชายเลน 2 จุด จำนวน 415 ไร่

แยกเป็นพื้นที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 13 ฉบับ รวมพื้นที่ 275 ไร่ และพื้นที่บุกรุกไม่มีเอกสารสิทธิใดๆ จำนวน 140 ไร่ โดยทั้ง 2 แปลง อยู่ในท้องที่หมู่ 4 บ้านดอนพลับ ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร

ซึ่งผู้บุกรุกเป็นนายทุนใหญ่ นามสกุลดังรายเดียวกัน โดยเฉพาะพื้นที่ และกรมที่ดินเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 275 ไร่ เมื่อปี พ.ศ.2531 อยู่ในป่าชายเลนเขตอุทยานแห่งชาติ

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบเพิกถอนสิทธิการออกเอกสารสิทธิดังกล่าวโดยมิชอบ และคดีถึงที่สุด มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2547 แต่ปัจจุบัน แม้จะมีการเพิกถอนเอกสารสิทธิดังกล่าวแล้ว ยังมีผู้บุกรุกยึดครองที่ดินดังกล่าวอยู่เหมือนเดิม

หลังการประชุมกำหนดแผนปฏิบัติการ กำลังเจ้าหน้าที่ได้ออกตรวจยึดพื้นที่เป้าหมายจุดแรก ทางตอนใต้ของพื้นที่หมู่ 4 บ้านดอนพลับ ตำบลหาดทรายรี จำนวน 140 ไร่ อยู่ในป่าชายเลน พบมีนายทุนเข้าบุกรุกยึดครอง ทำสวนปาล์มน้ำมันและเลี้ยงสัตว์น้ำ โดยไม่มีเอกสารสิทธิ์การครองครองใดๆ

ขณะที่จุดที่ 2 อยู่ทางทิศเหนือ เป็นพื้นที่ติดต่อกับจุดแรก จากการตรวจสอบ พบมีการติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า และสายส่งไฟฟ้าจากถนนลาดยาง ไปตามทำถนนลูกรัง เข้าไปในพื้นที่บุกรุกทำนากุ้ง มีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร

โดยพบบ้านพักคนงาน 2 หลัง มีร่องรอยการขนย้ายทรัพย์สินบางส่วน หลบหนีไปก่อนหน้านี้ได้ไม่นาน บริเวณพื้นที่มีการทำคันคู ปิดกั้นน้ำไม่ให้ขึ้นลงตามธรรมชาติ และทำบ่อเลี้ยงกุ้งไว้จำนวนมาก

ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ เป็นพื้นที่เพิกถอนเอการสิทธิ สน.3 ก.ที่โดยมิชอบ จำนวน 275 ไร่ คดีถึงที่สุดเมื่อปี 2547 หลังจากกรมที่ดินเพิกถอนออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบแล้ว แต่ปัจจุบัน ยังมีนายทุนครอบครองอยู่เหมือนเดิม แต่เป็นไปในลักษณะเปลี่ยนมือมาเป็นนอมินี

นายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดปฏิบัติการฉลามขาว กล่าวว่า การตรวจยึดพื้นที่ในวันนี้ จุดแรกจำนวน 140 ไร่ เป็นพื้นที่บุกรุกยึดครองทำสวนปาล์มและเลี้ยงสัตว์น้ำ ซึ่งผู้ครอบครองไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ และจุดที่ 2 เป็นพื้นที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ นส.3 ก. จำนวน 275 ไร่ คดีสิ้นสุดมา ตั้งแต่ปี 2547 แต่ยังมีผู้มาบุกรุกครอบครองทำนากุ้งอยู่

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหลักฐานจากมิเตอร์ไฟฟ้า ที่ต่อเข้ามาใช้ยังบ้านพักทั้ง 2 หลัง ปรากฏว่า ผู้ขอใช้มีนามสกุลเดียวกับเจ้าของเดิมที่ครอบครอง และถูกเพิกถอนเอกสารสิทธิไปแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นการเปลี่ยนมือให้ญาติมาครอบครอง หรืออาจจะเป็นนอมินี ซึ่งก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายรัชชัย กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ข้างเคียง อีกจำนวนหลายร้อยไร่ เบื้องต้นทราบว่า เจ้าของมีเอกสารสิทธิ นส. 3 ก. เช่นเดียวกัน ซึ่งจะดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า กรมที่ดินมีการสำรวจออกเอกสารสิทธิดังกล่าว มาตั้งแต่เมื่อใด

แต่จากการตรวจสอบหลักฐานภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลังไป เมื่อปี พ.ศ. 2518 พบว่า พื้นที่ข้างเคียงที่มีการตรวจยึดในวันนี้จำนวนมากนั้น พบว่า ไม่มีร่องรอยการครอบครองทำประโยชน์ใดๆมาก่อนเลย แต่กลับมีการออกเอกสารสิทธิ์ได้อย่างไร

ซึ่งจะต้องดำเนินการตรวจสอบกันต่อไป เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการทวงคืนผืนป่ากลับมาเป็นสมบัติของชาติต่อไป

Cr. วิทยา // ชุมพร