กรมศุลกากรแถลงอายัดตู้สินค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และ เศษโลหะ พร้อมเตรียมผลักดันกลับประเทศต้นทาง ขณะที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมสั่งระงับการออกใบอนุญาตการนำเข้าขยะอิเลคทรอนิกส์ชั่วคราว

นายชัยยุทธ คำคุณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร พร้อมด้วยนายบรรจง สุกรีฑา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม แถลงผลการจับกุมตู้สินค้าเศษอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และ เศษโลหะ รวมกว่า 100 ตู้ บริเวณศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ หลังอธิบดีกรมศุลการกรสั่งให้เข้มงวดในการสกัดกั้น และ ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออกสินค้าประเภท ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก และ เศษโลหะ

นายชัยยุทธ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้อายัดสินค้าประเภทขยะอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 4 ตู้ ซึ่งสำแดงบัญชีสินค้าเป็น Metal Scrap (เศษโลหะ) โดยบรรทุกมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หลังไม่มีเจ้าของมาดำเนินการผ่านพิธีการทางศุลกากรภายในระยะเวลา 30 วัน

จากการเปิดตู้สินค้าตรวจสอบพบขยะอิเล็กทรอนิกส์ประเภทหม้อแปลงไฟฟ้าเก่า ที่ใช้แล้ว ซึ่งจัดเป็นวัตถุอันตรายตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2556 โดยการนำเข้าการเคลื่อนย้าย จะต้องดำเนินการขออนุญาตกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมก่อนการนำเข้า

ส่วนที่จังหวัดชลบุรี พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบภายในโกดังเก็บของเก่าในพื้น ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังสืบทราบว่า โกดังแห่งนี้มีรถบรรทุกขนถ่ายวัตถุบางอย่าง ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นการนำขยะพิษ มาเก็บไว้ในพื้นที่

จากการเข้าตรวจสอบพบขยะพิษลักษณะเป็นกากใย ซึ่งเป็นเศษเหล็กจากโรงงานถลุงเหล็กบรรจุ อยู่ในถุงผ้าขนาดใหญ่ถูกเก็บไว้ในตู้คอนเทนเนอร ์ภายในโกดังดังกล่าวอย่างมิดชิด ตรวจสอบเอกสารที่นำมาแสดงพบว่า เป็นสินค้าที่ประมูลมาจากท่าเรือคลองเตย กรุงเทพฯ แต่หลักฐานการสำแดงแจ้งว่าจะนำมาเก็บที่ทุ่งศุขลา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงถือเป็นการนำวัตถุอันตรายมาเก็บผิดที่ที่แจ้งไว้

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาว่าร่วมกันครอบครองวัตถุอันตราย และ เก็บวัตถุอันตรายในสถานที่ ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ตรวจพบรถบรรทุกคอนเทนเนอร์จำนวน 7 คัน บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 14 ตู้ จอดพักคอยเพื่อนำขยะอันตรายส่งมากักเก็บข้างถนนสาย 331 ตำบลเขาไม้แก้ว อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ทันทีที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพนักงานขับรถต่างพากันวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ขณะที่ตรวจสอบในรถพบขยะอันตายลักษณะเป็นฝุ่นผงของเสียจากการถลุงเหล็ก จึงควบคุมตัวและยึดของกลางไว้ดำเนินคดี

ขณะเดียวกันก่อนหน้านี้ พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นำกำลังตำรวจ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบบ่อฝังกลบขยะอุตสาหกรรม ที่บริเวณตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ซึ่งติดกับทางลงของน้ำสู่อ่างเก็บน้ำดอกกราย ที่ใช้เป็นแหล่งน้ำอุปโภคบริโภคสำคัญ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ได้ใช้รถแม็คโครขุดบริเวณพื้นที่ต้องสงสัยเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ที่ความลึกประมาณ 5 เมตร พบว่ามีขยะถูกฝังกลบอยู่เป็นจำนวนมาก และส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง จนผู้ที่สูดดมเข้าไปต่างมีอาการแสบจมูกหายใจติดขัด เจ้าหน้าที่ทุกนายต้องใส่หน้ากากอนามัย

พลตำรวจเอกวิระชัย บอกว่า ภายหลังได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า มีหลุมขยะอุตสาหกรรมเถื่อนส่งกลิ่นเหม็น เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ ตรวจสอบพบว่า ขนาดของบ่อขยะกว้าง 40เมตร ยาว 100 เมตร ลึก 15 เมตร รองรับปริมาณที่มาถมประมาณ 6 หมื่นตัน พบทางระบายของน้ำไหลเข้าสู่อ่างเก็บน้ำดอกกรายโดยตรง ซึ่งเป็นน้ำที่ใช้สำหรับการอุปโภค บริโภค และ อุตสาหกรรมของ ชาวจังหวัดระยอง และชาวภาคตะวันออก โดยเกรงว่าประชาชนจะได้รับผลกระทบจากการบริโภค เนื่องจากมีสารปนเปื้อน จากหลุมขยะ และ น้ำชักขยะ และพบร่องรอยเครื่องสูบน้ำที่เพิ่งถูกถอดถอนออกจากพื้นที่ไม่เกิน 1 วัน

สกัดจับรถขนขยะพิษ 10 ตู้คอนเทนเนอร์น้ำหนักนับร้อยตัน