ตำรวจกองปราบปรามบุกยึดรถยนต์-จักรยานยนต์ผิดกฎหมายกว่า 20 คัน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมอายัดรถหรูสวมทะเบียนรถภรรยาตลกดัง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม หลังประสบอุบัติเหตุ
วานนี้ (17 ก.ค.) ที่กองปราบปราม พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ร่วมแถลงผลจับกุมคดีโจรกรรมรถยนต์ 2 คดี สามารถยึดรถยนต์ของกลางได้ 16 คัน รถจักรยานยนต์อีก 6 คัน อาวุธปืน 4 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน และเอกสารสมุดสัญญาการกู้เงินและรับจำนำรถยนต์อีกหลายรายการ
สำหรับคดีแรก สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายหลายรายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายศักรินทร์ หรือ เอ็ม ยิ่งชัชวาลชัย หรือชื่อเดิม นายวีรวัฒน์ ศรีโปฏก อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ซ่อมรถแห่งหนึ่งย่าน ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังมีพฤติการณ์หลอกรับจำนำรถยนต์และสิ่งของมีค่าต่างๆ ก่อนจะเชิดหนีหายไปเพื่อนำไปขายต่อในตลาดมืดอีกทอดหนึ่ง
จึงเข้าตรวจค้นที่บ้านพักย่านลาดพร้าว 96 แต่ไม่พบตัวนายศักรินทร์ พบเพียงรถยนต์ 15 คัน รถจักรยานยนต์ 6 คัน และขยายผลจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้นำรถไปส่งต่อให้กับนายทุนที่รับจำนำรถ ทั้งนี้รถที่ตรวจยึดได้พบว่าเป็นรถที่เจ้าของไม่มีเงินส่งไฟแนนซ์ และเป็นรถที่มาจากการหลอกเช่าจากผู้ประกอบการอีกทอดหนึ่ง
เบื้องต้นจากข้อมูลตำรวจกองปราบพบว่า รถที่ส่งต่อให้กับนายทุนส่วนใหญ่จะถูกนำมาใช้ในการลักลอบขนยาเสพติดและยังพบว่ามีบางคันถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มนายทุนดังกล่าวยังรับจำนำอาวุธปืน และปล่อยกู้นอกระบบ ซึ่งหลังจากนี้จะติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาในขบวนการทั้งหมดมาดำเนินคดี
สำหรับคดีที่สอง ตำรวจกองกำกับการ 3 ยังสามารถตรวจยึดรถเก๋งยี่ห้อออดี้ รุ่นอาร์ 8 สีดำ ทะเบียน ด 2528 กรุงเทพมหานคร ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.เลียบด่วนรามอินทราฯ หลังสืบทราบว่าคนร้ายได้ปลอมเลขตัวถัง ของรถเก๋งยี่ห้อออดี้ รุ่นอาร์ 8 วี 10 คูเป้ สีขาวที่ นายพงษ์พันธ์ เกษมสวัสดิ์ อายุ 39 ปี เป็นคนขับ โดยมีนางเบญจมาศ มาสิงห์ ภรรยาของเจี๊ยบ เชิญยิ้ม ตลกชื่อดัง ประสบอุบัติเหตุบนถนนสายพนมทวน-กำแพงแสน ต.พนมทวน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี
เป็นเหตุให้ นายพงษ์พันธ์ เสียชีวิตคาที่ ส่วนนางเบญจมาศ บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดเมื่อปี 2553 หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ปลอมเลขตัวถังรถคันดังกล่าวก่อนไปขอทะเบียนใหม่จากกรมการขนส่ง
โดยอ้างว่าป้ายทะเบียนหาย เมื่อได้ป้ายทะเบียนมาแล้วก็จะนำรถมาหลอกขายให้ผู้เสียหาย 12 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ปลอมทะเบียนรถเก๋งคันดังกล่าวมาดำเนินคดีต่อไป