หัวหน้าหน่วยพิทักษ์เข้าใหญ่ เข้าดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว หลังมีน้ำหลากจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลลงมายังน้ำตกนางรอง จ.นครนายก ส่งผลให้ระดับน้ำมีความแรง และ สูงขึ้นกว่าปกติ โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ระดับน้ำและความรุนแรงจึงเริ่มลดลง
ช่วงเย็นวานนี้ (29 กรกฎาคม) นายอุเทน แสวง หัวหน้าหน่วยพิทักเข้าใหญ่ 13 ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่น้ำตกนางรอง สั่งการให้นักท่องเที่ยวขึ้นจากน้ำอย่างเร่งด่วน หลังรับแจ้งมีน้ำหลากไหลลงมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ลงสู่แหล่งน้ำน้ำตกนางรอง เป็นจำนวนมาก และ มีความแรง จึงหวั่นว่านักท่องเที่ยวจะได้รับอันตรายจากน้ำที่ไหลลงมา
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ด้านหน้าอุทยานน้ำตกนางรอง มีระดับน้ำที่ไหลมาได้เอ่อท่วมสะพานข้ามลำน้ำ และ มีความแรง จึงขอให้นักท่องเที่ยวห้ามสัญจรผ่าน จากนั้นเวลาไม่นานระดับน้ำ และ ความรุนแรงค่อยๆลดลง จึงอนุญาตให้รถนักท่องเที่ยวข้ามผ่านไปได้
ด้าน ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ ระบุว่า น้ำหลากเกิดขึ้นเป็นประจำอยู่ทุกปี ซึ่งไม่มีความน่ากลัว โดยน้ำที่หลากมานั้นจะเกิดขึ้นอยู่ทีระยะเวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ก็ไม่อยากให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำขณะเกิดน้ำหลากเกรงว่าจะได้รับอันตราย อีกทั้งหากน้ำเกิดท่วมสะพานก็ให้รอจนกว่าน้ำจะลดลงก่อนแล้วค่อยข้าม
ขณะที่ เจ้าหน้าที่อุทยานน้ำตกนางรอง และ ผู้ประกอบการร้านค้า จะคอยเฝ้าระวังดูแลนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมธรรมชาติอยู่ตลอด พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่อุทยานที่คอยเฝ้าระวังน้ำจากด้านบน หากเกิดมีกระแสน้ำ ไหลลงมาจำนวนมากก็จะมีการแจ้ง และ ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้ขึ้นจากน้ำล่วงหน้า ก่อนที่จะมีกระแสนำ้ไหลลงมา
ส่วนที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ / นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย นายวุฒิพงษ์ ศรีช่วย ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และ เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่แงกระจานที่ 3 ห้วยป่าเลา เดินทางไปยังน้ำตกป่าละอู ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม ที่ผ่านมา ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่น้ำตกป่าละอู ได้ประกาศงดให้บริการนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนัก บริเวณทางทิศจะวันตก ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรชายแดนไทย-เมียนมา ทำให้ระดับน้ำในบริเวณน้ำตกป่าละอูมีปริมาณสูงขึ้น และ ไหลเชี่ยว รวมถึงเริ่มมีสีขุ่น ประกอบกับพื้นที่ทางขึ้นน้ำตกป่าละอู มีสภาพเส้นทางเดินเป็นหินลื่น ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จึงประกาศงดการท่องเที่ยวเป็นการชั่วคราว โดยมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามรายงานสภาพในบริเวณน้ำตกป่าละอูตลอดเวลา
ซึ่งขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น และ ท้องฟ้าเริ่มเปิด ประกอบกับไม่มีฝนตกลงมาอีก ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจึงเปิดให้นักท่องเที่ยว เข้ามาท่องเที่ยวในบริเวณน้ำตกป่าละอูได้ 3 วันแล้ว แต่ยังจัดเจ้าหน้าที่คอยประจำบริเวณน้ำตกชั้นต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังความปลอดภัย ซึ่งหากพบว่ามีการประกาศเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา เกี่ยวกับเรื่องพายุอีกก็จะต้องดูแลติดตามด้วยว่าพื้นที่ป่าชั้นในเริ่มมีฝนตกลงมาหรือไม่ รวมถึงเฝ้าติดตามระดับน้ำ และ สีของน้ำตก หากพบความผิดปกติจะรายงานให้ทางอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานรับทราบ และ พิจารณาความเหมาะสมต่อไป ซึ่งในครั้งนี้ถือว่าเป็นการปิดน้ำตกป่าละอูที่นานถึง 12 วันเต็ม
ทั้งนี้ จากการเดินขึ้นไปยังชั้นตกป่าละอูตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นที่ 3 เพื่อติดตามสภาพน้ำ และสภาพเส้นทาง พบว่าระดับน้ำได้เข้าสู่สภาพวะปกติโดยเฉพาะกระแสน้ำที่ไหลตกชั้นต่างๆ ไม่มีสีขุ่น น้ำเริ่มใสมากขึ้น และ มีความสวยงาม ประกอบกับเส้นทางมีความปลอดภัยไม่ลื่น ซึ่งพบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ที่ทราบว่าน้ำตกป่าละอูเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวพักผ่อนได้แล้ว ทำให้ในช่วงเทศกาลวันหยุดอาสาฬหาบูชา และ วันเข้าพรรษา ซึ่งมีวันหยุดติดต่อกัน 4 วันจึงมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนเป็นจำนวนมาก
ส่วนที่ จังหวัดพังงา นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วย นายสายัญ กิจมะโน ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา นายปริญญา ภูมิพาณิชย์ นายอำเภอเมืองพังงา ร่วมตรวจสอบปริมาณน้ำ และ ความแรงของน้ำ บริเวณคลองสองแพรก ตำบลสองแพรก อำเภอเมืองพังงา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวผจญภัย หรือ ท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ชื่อดังของจังหวัดพังงา และ เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลาก เนื่องจากในช่วงนี้มีฝนตกต่อเนื่อง
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ปริมาณน้ำมาก สีน้ำปกติ สามารถล่องแก่งได้ โดยมีนำท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมเที่ยว และ ใช้บริการล่องแก่งอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางผู้ประกอบการเปิดให้นักท่องเที่ยวล่องแก่งได้ตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้แจ้งเตือนให้ผู้นำชุมชน ผู้ประกอบการ เฝ้าระวัง การให้บริการแก่นักท่องเที่ยว พร้อมกำชับ ติดตามข่าวสารข้อมูลสภาพอากาศของทางภาครัฐอย่างใกล้ชิด และ สั่งเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความระมัดระวังในการท่องเที่ยวล่องแก่งให้มากขึ้น ซึ่งหากมีสถานการณ์สุ่มเสี่ยงต่อนักท่องเที่ยวให้หยุดการให้บริการทันที