กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สั่ง 20 จังหวัดเสี่ยงภัย เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง-น้ำท่วมฉับพลัน-คลื่นลมแรง

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลางกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) เปิดเผยว่า กอปภ.ก. โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ติดตามสภาวะอากาศ ปริมาณฝนสะสม สถานการณ์น้ำท่า และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ปริมาณน้ำท่าและปริมาณน้ำในเขื่อน อ่างเก็บน้ำหลายแห่งอยู่ในระดับสูง ทำให้มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน ประกอบกับประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า ในช่วงวันที่ 5-9 สิงหาคม 2561 ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักเพิ่มขึ้นทุกภาค ซึ่งปริมาณฝนสะสมที่เพิ่มมากขึ้น อาจเกิดอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร บก.ปภ.ช.จึงได้สั่งการให้จังหวัดเสี่ยงภัย แยกเป็น พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง ได้แก่

จ.เพชรบุรี โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณแม่น้ำเพชรบุรี ตั้งแต่พื้นที่ท้ายเขื่อนแก่งกระจานจนถึงเขื่อนเพชร รวม 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองเพชรบุรี อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.บ้านแหลม และ อ.แก่งกระจาน

ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเขื่อนวชิราลงกรณ์และเขื่อนศรีนครินทร์ ได้แก่ จ.กาญจนบุรี รวม 6 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสวัสดิ์ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ท่าม่วง และ อ.ท่ามะกา

ราชบุรี รวม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.บ้างโป่ง อ.โพธาราม และ อ.เมืองราชบุรี

สำหรับจังหวัดริมแม่น้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งระดับน้ำยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ บึงกาฬ รวม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เซกา อ.บุ่งคล้า และ อ.เมืองบึงกาฬ

จ.สกลนคร รวม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองสกลนคร อ.โพนนาแก้ว และ อ.โคกศรีสุพรรณ

จ.นครพนม รวม 6 อำเภอ ได้แก่ อ.นาแก อ.เรณูนคร อ.บ้านแพง อ.ท่าอุเทน อ.เมืองนครพนม และ อ.ธาตุพนม

จ.ร้อยเอ็ด ได้แก่ อำเภอเสลภูมิ ยโสธร รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อ.ป่าติ้ว และ อ.มหาชนะชัย

จ.มุกดาหาร รวม 3 อำเภอ ได้แก่ อ.หว้านใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร และ อ.ดอนตาล

จ.อุบลราชธานี รวม 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เขมราฐ อ.นาตาล อ.โพธิ์ไทร อ.โขงเจียม และ อ.บุณฑริก

นอกจากนี้ พื้นที่ฝั่งอันดามันและอ่าวไทยตอนบน ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง ได้แก่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราด จ.ระนอง จ.พังงา จ.ภูเก็ต จ.กระบี่ จ.ตรัง และ จ.สตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมรับมือภาวะอุทกภัย น้ำท่วมฉับพลัน และคลื่นลมแรงในระยะนี้ โดยจัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตามสภาพอากาศ ตรวจวัดปริมาณฝน สังเกตการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัย

นอกจากนี้ได้กำชับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร แจ้งข้อมูลข่าวสารและสถานการณ์ภัยให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้จังหวัดประสานการปฏิบัติกับหน่วยทหารในพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานและเครือข่ายอาสาสมัครทุกภาคส่วน โดยเตรียมความพร้อมด้านสรรพกำลัง เครื่องจักรกลสาธารณภัย และจัดชุดเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตลอดจนจัดชุดเคลื่อนที่เร็วประจำพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อให้เข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับพื้นที่เสียงคลื่นลมแรง ให้ประสานหน่วยงานเจ้าท่าประมง และตำรวจน้ำออกลาดตระเวนแจ้งเตือนการเดินเรือทุกประเภท ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังและงดการเดินเรือ หากทะเลมีคลื่นสูงและกำลังแรง รวมถึงเน้นย้ำให้มีการตรวจสภาพความพร้อมและความปลอดภัยก่อนออกเรือทุกครั้ง "ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด"

ทั้งนี้ สามารถติดต่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสาขาในพื้นที่ หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป