เจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า เดินหน้าสำรวจเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเพิ่ม หลังพบซากกระทิงถูกน้ำป่าพัดตกน้ำตาย 6 ตัว ล่าสุดพบเพิ่มอีก 2 ตัว รวมเป็น 8 ตัว ยืนยัน ไม่พบร่องรอยการถูกยิงแน่นอน

พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ สั่งการให้ ชุดลาดตระเวนหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้านำกำลังพล สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฯ และเจ้าหน้าที่อีกหลายหน่วยงาน เดินทางเข้าตรวจสอบพิสูจน์ซากกระทิงที่เสียชีวิตอยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร หลังจากที่มีการพบซากกระทิงตายเพิ่มอีก จำนวน 2 ตัว เมื่อวันที่ 15 และ 16 สิงหาคม 2561 รวมมีกระทิงตายทั้งสิ้น 6 ตัว ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น ซากกระทิงทั้ง 6 ตัว ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่า กระทิงฝูงนี้น่าจะถูกน้ำป่าพัดตกจากหน้าผาซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำตก สูงประมาณ 100 เมตร ในระหว่างเดินข้ามแม่น้ำรันตี

ต่อมาในห้วงวันที่ 17-19 สิงหาคม 2561 ชุดลาดตระเวน ได้ทำการออกลาดตระเวน บริเวณ ลำห้วยรันตี ถึง บริเวณหน้าผา ผาผึ้ง บ้านกองม่องทะ ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี ปรากฏว่า พบซากกระทิงอีก จำนวน 2 ตัว ซึ่งเป็นบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่างโป่งร้อนและเขาเอเหม่ ทำให้จนถึงขณะนี้พบซากกระทิงตายรวมทั้งสิ้นจำนวน 8 ตัว โดยไม่พบร่องรอยการถูกยิงด้วยอาวุธปืนแต่อย่างใด

สำหรับจุดที่พบซากกระทิง เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร (ด้านตะวันตก) และอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวช่วงที่ผ่านมาได้เกิดเหตุอุทกภัย และมีน้ำป่าไหลหลาก ทำให้น้ำในลำห้วยรันตีมีระดับสูงกว่าปกติมาก และไหลเชี่ยวกราก คาดว่าฝูงกระทิงดังกล่าวอาจจะหนีน้ำไม่ทันจึงทำให้ถูกกระแสน้ำพัดตกจากภูเขาและไหลมาตามแม่น้ำจนถึงแก่ความตาย ประกอบกับซากกระทิงมีสภาพเน่าส่งกลิ่นเหม็น หากปล่อยทิ้งไว้จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่ และระบบนิเวศ จึงได้ขออนุมัติพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี ในการเผาทำลายซากกระทิงที่พบดังกล่าวต่อไป

 

Cr.เกรียงไกร/กาญจนบุรี