ตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ได้ตัวผู้ต้องหา 13 คน พร้อมของกลางเป็นยาบ้า 10 ล้านเม็ด เฮโรอีน 317 กิโลกรัม ไอซ์ 2.06 กิโลกรัม และกัญชาอีก 917 กิโลกรัม รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท

วันที่ 18 ก.ย. 2561 ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ทั้ง 3 คดี โดยคดีที่ 1 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 คน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมของกลางยาบ้า 10 ล้านเม็ด และเฮโรอีน น้ำหนักรวมประมาณ 37 กิโลกรัม พร้อมรถกระบะบรรทุก 1 คัน และรถเก๋งที่ใช้ในการลำเลียง 1 คัน โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้มีพฤติการณ์ร่วมกันลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย มาส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.ดพระนครศรีอยุธยาโดยใช้รถกระบะบรรทุกซุกซ่อนและลำเลียงยาเสพติดซึ่งสามารถจับกุมได้ในพื้นที่ จ.สุโขทัย

และคดีที่ 2 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 คน โดยเป็นชาวต่างชาติ 2 คน และมีหญิงสาวชาวไทย 1 คน ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มได้รับแจ้งว่ากลุ่มผู้ต้องหาจะมีการรับยาเสพติดจากเครือข่ายชาวแอฟริกาในประเทศไทยเพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ประเทศนิวซีแลนด์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกลุ่มจึงได้เฝ้าระวังไม่ใช่จึงได้เฝ้าสังเกตการณ์ ณ โรงแรมย่านสุขุมวิท ก่อนเข้าตรวจค้นพบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนในกระเป๋า น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 2,060 กรัม

ส่วนคดีที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายว่า กลุ่มเครือข่ายจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน จ.บึงกาฬ ไปส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ จึงทำการสืบสวนและติดตามพฤติการณ์กลุ่มเครือข่ายดังกล่าว พบว่ามีการขับขี่รถตามกันมาในทางเดียวกันในลักษณะเป็นขบวนจนมาถึงที่เกิดเหตุจึงเข้าทำการตรวจค้นรถยนต์ทั้งหมดพบยาเสพติดให้โทษประเภทห้าวางเรียงซ้อนกันอยู่ในท้ายกระบะรถยนต์จึงทำการจับกุมผู้ต้องหาซึ่งสามารถจับกุมได้ทั้งหมด 6 คน พร้อมของกลางกัญชา 917 กิโลกรัม และรถยนต์จำนวน 5 คัน โดยแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้การจับกุมครั้งนี้เป็นการปฏิบัติการช่วงเวลาระหว่างวันที่ 13-16 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งพบมูลค่ายาเสพติดทั้งหมดรวมกว่า 2,000 พันล้านบาท หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดของของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีเพื่อขยายผลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องและดำเนินการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่ายและบุคคลที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป