พนักงานการท่าเรือกว่า 100 คน เดินทางเข้าร้องทุกข์กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้เอาผิดกับ 2 ผู้บริหารการท่าเรือ แจ้งความเท็จ อ้างพนักงานโกงเงินค่าล่วงเวลาทำให้เสียหายกว่า 3,000 ล้านบาท
วันที่ 11 ต.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทย กว่า 100 คน พร้อมทนายความ นำคำพิพากษาศาลฎีกาศาลแรงงานกลาง และสำเนาเช็คมาร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ดำเนินคดีกับ เรือตรี ทรงธรรม จันทรประสิทธิ์ รักษาการผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทยในขณะนั้น และนายโกศล ศรีบางพลีน้อย ผู้อำนวยการท่าเรือกรุงเทพ ในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และร่วมกันให้การเท็จ หลังทั้ง 2 คน เคยเข้าแจ้งความกับดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับพนักงานการท่าเรือแห่งประเทศไทยจำนวน 1,200 คน โดยกล่าวหาว่า กระทำการทุจริตเบิกจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดเงินเป็นจำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท
โดยนายกฤษฎา อินทามาระ ทนายความ เปิดเผยว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้พิพากษาว่า พนักงาน 379 คนในจำนวน 1,200 คน เป็นผู้สุจริต และให้ทางการท่าเรือจ่ายเงินค่าล่วงเวลาให้กลับพนักงานการท่าเรือทั้ง 379 คน เป็นเงินรวมกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งการท่าเรือได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปวางชำระหนี้ให้พนักงานตามคำตัดสินของศาลฎีกาที่ศาลแรงงานกลางแล้ว จึงแสดงให้เห็นว่าพนักงานการท่าเรือเป็นผู้สุจริตไม่ได้กระทำการทุจริต ซึ่งในวันนี้ตัวแทนพนักงานการท่าเรือจึงต้องการแจ้งความดำเนินคดีกับเรือตรีทรงธรรม และ นายโกมล ในข้อหาแจ้งความเท็จเพื่อกลั่นแกล้งให้พนักงาน 379 คน ร่วมกันแจ้งความเท็จและให้การอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวนคดี เนื่องจากคดีนี้เป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ
ขณะที่ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ เป็นผู้รับเรื่องไว้พร้อมจะส่งมอบให้กับพนักงานกรมสอบสวนคดีพิเศษชุดเดิมที่ทำคดีนี้ทำการตรวจสอบใหม่อีกครั้ง