สอบเครียด 2 มือยิงหมีขอ หลังซัดทอดถูกสั่งให้ยิงก่อนนำมาปรุงอาหาร รอง ผบ.ตร. ลั่น หมีขอต้องไม่ตายฟรี มั่นใจเอาผิดได้ยกแก๊ง
พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 7 และตำรวจภูธรไทรโยค คุมตัวนายตาต้า อายุ 41 ปี ชาวเมียนมา และนายอนุสรณ์ เรือนงาม หรือ อส.ออย อาสาสมัครรักษาดินแดน ผู้ต้องหาคดียิงหมีขอ มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นายตาต้า ซัดทอดว่า นายอนุสรณ์กับนายสกานต์ แก่นหลวง อ้างตัวเป็นตำรวจ ขอให้ตนไปยิงหมีขอ ที่หากินอยู่ห่างจากสำนักสงฆ์เต่าดำ 400 เมตร จึงตัดสินใจไปยิง ยืนยันว่า ทั้งสองอยู่ในเหตุการณ์ด้วย โดยยิงที่หัวหมีขอ จนร่วงตกต้นไม้ จากนั้นนำซากไปให้นายเจนระ หรือจีระ ชำแหละปรุงอาหาร
ซึ่งซากหมีส่วนหัว ตัดทิ้งลำห้วยในพื้นที่ ส่วนกรามโยนให้สุนัขกิน นอกจากนี้ นายตาตา ยังซัดทอดว่า นายอนุสรณ์ พาไปจับกบทูต หรือกบภูเขา ที่ตำรวจพบซากถูกทิ้งรวมอยู่กับซากหมีขอด้วย
พลตำรวจเอกศรีวราห์ ยังให้นายตาต้า ชี้ยืนยันกลุ่มยิง และร่วมกับชำแหละซากหมีขอ ซึ่งนายตาต้า สามารถชี้ยืนยันได้ถูกต้อง
ด้านนายอนุสรณ์ สารภาพว่า อาวุธปืนทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ยึด มีการวางแผนนำเข้าป่าไปตั้งแต่แรก และนายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน ได้ใช้ปืน 11 มม. ไปยิงแก้บนด้วย
พลตำรวจเอกศรีวราห์ ระบุว่า คดีนี้แบ่งการกระทำผิดของผู้ต้องหา เป็น กลุ่มที่ยิงหมีขอ ประกอบด้วย นายตาต้า นายอนุสรณ์ และนายสกานต์ ส่วนกลุ่มที่ร่วมกันชำแหละ คือ นายจีระ ซึ่งยังหลบหนี และภรรยาจีระ อยู่ระหว่างสอบสวน
นอกจากนี้ ยังมีการทำแผนผังกลุ่มผู้ต้องหา รวม 10 คน ที่อยู่ในขบวนออฟโรดด้วย ยืนยันหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดได้ทั้งหมด ออกหมายจับผู้ต้องหาแล้ว 14 คน ตามจับได้ 13 คน
ส่วนกรณีที่สังคมจับจ้องการทำงาน พลตำรวจเอกศรีวราห์ ยืนยันว่า หมีขอจะไม่ตายฟรี แม้คณะทำงานชุดนี้ จะเป็นชุดเดียวกับคดีเสือดำ ส่วนเนื้อหมีขอ ถูกปรุงเป็นเมนูใด หรือมีการวางแผนล่า ตั้งแต่ก่อนเข้าป่าหรือไม่ จะเร่งสอบสวน
สำหรับเรื่องที่นายตาต้ารับสารภาพว่า เป็นผู้ยิง จะทำให้ผู้ต้องหารายอื่นๆ รับโทษน้อยลงหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล