รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ที่ถูกร้องเรียนว่าเรียกรับเงินนักธุรกิจรถเช่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 2 ล้านบาท ออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หลังตรวจสอบพบว่า มีมูลความผิดจริง ตามที่ถูกร้องเรียน
วันที่ 19 ต.ค. 2561 พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเปิดเผยหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอ ไฟล์เสียง และข้อมูลการสนทนาทางไลน์ ของเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการ (ปปง.) คนหนึ่งเรียกรับเงินจำนวน 2 ล้านบาท จากนักธุรกิจเช่ารถใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ให้ดำเนินการ
โดย พล.ต.ต.ปรีชา ระบุว่า จากการตรวจสอบแล้วพบเสียงในคลิปดังกล่าว เป็นของข้าราชการ ปปง. ระดับปฏิบัติการในส่วนของกองคดี 1 ปปง. ซึ่งภายหลังได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พบว่ามีมูลความผิดจริง โดยขณะนี้ได้มีคำสั่งให้ ออกจากราชการไว้ก่อน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ส่วนประเด็นที่ นายอัจฉริยะ ออกมาตั้งคำถามว่า ข้าราชการคนนี้มีหมายจับ แต่กลับเข้ารับราชการ ปปง. ได้อย่างไร รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยืนยันว่า ข้าราชการคนนี้
เข้าสอบปี 2560 โดยระเบียบ กพ. จะมีการตรวจสอบประวัติหลังมีการสอบบรรจุแล้วเสร็จ แต่ช่วงการสอบนั้น ทางข้าราชการคนนี้ ได้ยืนยันไม่เคยต้องโทษคดีอาญา แต่เมื่อการตรวจสอบพบว่า มีหมายจับ ข้าราชการคนดังกล่าว ได้อ้างว่า หมายจับในคดีอาญา อยู่ระหว่างการสู้คดีตามกฏหมาย ซึ่งในประเด็นนี้ ป.ป.ง.ได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง เช่นกัน แต่ตามหลักแล้วหากคดียังไม่ถึงที่สุดก็ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ก็ยังเข้ารับราชการได้
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปรีชา ยืนยันอีกว่า ข้าราชการคนดังกล่าวที่กระทำผิด ไม่ใช่ระดับผู้อำนวยการ และหลักฐานพบกระทำผิดเพียงคนเดียว ยังไม่มีบุคคลอื่นร่วมด้วย แต่หากการสอบสวนพบบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง จะดำเนินการเพิ่มเติม พร้อมยืนยัน ทางหน่วยงานจะให้ความเป็นธรรมในการสอบสวน และเชื่อว่า เรื่องนี้ไม่กระทบต่อขวัญกำลังใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่แน่นอน