ชาวนาให้พื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.อินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เร่งเดินหน้าปลูกข้าวต่อเนื่อง แม้เสี่ยงประสบปัญหาภัยแล้ง ไม่สนโครงการปลูกข้าวโพดหลังนา เผย ไม่มีความเชี่ยวชาญ ขาดเครื่องมือและอุปกรณ์ รวมถึงตลาดในการจำหน่ายสินค้า

วันที่ 31 ต.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวนาในพื้นที่หมู่ที่ 3 ต.อินทประมูล อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เร่งนำรถดำนาข้าวในผืนนากว่า 9 ไร่ เพื่อปลูกข้าวรอบใหม่หลังเก็บเกี่ยวผลผลิตนารอบแรกไปแล้วเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะพยายามในการที่จะขอความร่วมมือเกษตรกรโดยการจัดโครงการปลูกข้าวโพดหลังนา เพื่องดการปลูกข้าวในช่วงฤดูแล้ง แต่ชาวนาในพื้นที่จังหวัดอ่างทองไม่ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่าไม่ได้รับประโยชน์และเพิ่มภาระในการทำการเกษตรมากขึ้น

โดยนายกมล ชวดสุดคิด อายุ 66 ปี เกษตรกรในพื้นที่ เปิดเผยว่า ตนทำนา 9 ไร่ จริงๆก็อยากเข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดหลังนา แต่ชาวนาส่วนใหญ่ไม่เข้าร่วมโครงการเนื่องจากเกรงว่าจะประสบปัญหาในเรื่องการเพาะปลูก เพราะรถพรวนดินหรืออุปกรณ์ต่างๆ ก็หายาก รวมถึงตลาดในการจำหน่ายสินค้า อีกทั้งไม่มีความชาญในการปลูกข้าวโพดจึงตัดสินใจลงมือปลูกข้าวต่อ แม้จะเสี่ยงกับภาวะภัยแล้งแต่ก็มีบ่อบาดาลที่เตรียมไว้แล้ว

ด้านนายเดชา มะลิทอง เกษตรกรที่เคยปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตามโครงการส่งเสริมของรัฐบาลเมื่อปีที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ในส่วนนาข้าว 25 ไร่ ของตน ขณะนี้ปลูกข้าวหอมมะลิอยู่ และจะเก็บเกี่ยวในต้นปีหน้า ซึ่งหลังเก็บเกี่ยวก็จะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการปลูกข้าวโพดหลังนา เพราะว่าข้อกำหนดของรัฐบาลไม่ได้ให้การช่วยเหลือในเรื่องของเมล็ดพันธุ์หรือเงินชดเชย เป็นการนำแปลงข้าวโพดไปกู้เงินกับสถาบันการเงินของรัฐซึ่งชาวนาหลายคนไม่ได้ต้องการเป็นหนี้อีกจึงไม่มีคนเข้าร่วมโครงการดังกล่าว ในส่วนของตนมีตลาดในการรองรับอยู่แล้วจึงไม่จำเป็น จริงๆหากรัฐบาลจะช่วยเหลือก็น่าจะสนับสนุนเช่นปีที่ผ่านมาซึ่งจะทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์

ขณะที่ นายทรงพล พูลสวัสดิ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติจังหวัดอ่างทองเปิดเผยว่า พื้นที่จังหวัดอ่างทองไม่เหมาะสมในการปลูกข้าวโพดรวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ที่ไม่พร้อมส่งผลให้ชาวนาไม่สนใจในการที่จะร่วมโครงการดังกล่าว ซึ่งหากพื้นที่ไหนมีน้ำเพียงพอชาวนาก็จะเลือกทำนาแต่ในส่วนที่มีปัญหาเรื่องน้ำก็เตรียมปลูกพืชหลากหลายที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้การสนับสนุน โดยมีพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดอ่างทอง 8,500 ไร่ ซึ่งจะได้รับการสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท คนละไม่เกิน 15 ไร่ ซึ่งโครงกานี้น่าจะให้ประโยชน์กับชาวนาในพื้นที่มากกว่า


(ทรงวุธ / อ่างทอง)