นายกรัฐมนตรี สั่งกระทรวงการคลังตรวจสอบหญิงวัย 37 ปี ใส่สร้อยคอทองคำ ถือบัตรคนจน หลังโพสต์ไปกดเงิน 500 บาท ชี้หากไม่จนจริงต้องยกเลิกบัตร เรียกเงินคืนทั้งหมด ด้านหญิงเจ้าของโพสต์ ยืนยัน ไม่ได้รวย ยังหาเช้ากินค่ำ มีทองเก็บแค่เส้นเดียว
ภาพขณะที่ นางธมลวรรณ พานแสน อายุ 37 ปี ได้โพสต์รูปภาพตัวเองถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจนพร้อมเงินสด 500 บาท ในขณะที่ตนเองสวมสร้อยทองคำ และนั่งอยู่ในรถใหม่ ถูกกระแสโซเซียสออกมาโจมตีอย่างหนักถึงความไม่เหมาะสม พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เงินแก่ผู้มีรายได้น้อย ทีมข่าวจึงเดินทางไปยังร้านน้ำแข็ง บริการขายปลีก-ส่ง ใน ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นร้านที่ นางธมลวรรณ เป็นเจ้าของอยู่
นางธมลพรรณ ชี้แจงว่า ภาพที่โพสต์ไม่ได้อวดรวยอะไร เพียงแค่ต้องการจะบอกให้เพื่อนและคนทั่วไปรู้ว่า สามารถไปรับเงินสวัสดิการแห่งรัฐได้แล้วเท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
ส่วนกรณีที่ตนมีสร้อยคอใส่นั้น เนื่องจากได้ย้ายตามแฟนมาเปิดธุรกิจขายส่งขายปลีกน้ำแข็ง ที่ จ.เชียงราย จึงซื้อทองเก็บไว้ ความจริงไม่ได้รวยอะไร ยังหาเช้ากินค่ำ มีรายได้วันต่อวัน ส่วนโรงงานน้ำแข็งก็รับเขามาขายอีกทอดหนึ่ง ได้กำไรวันละ 500-600 บาท ยังไม่หักค่าน้ำมันรถและรถยนต์ที่ต้องผ่อน บ้านก็ยังต้องเช่าเขาอยู่
นางธมลวรรณ กล่าวด้วยว่า หลังจากโพสต์ได้ไม่ถึง 1 ชั่วโมง เกรงว่า มีปัญหา จึงได้ลบโพสต์ดังกล่าวทันที ยืนยันว่า ตนถือเป็นคนจนคนหนึ่ง เพราะตอนที่ลงทะเบียนรับสวัสดิการแห่งรัฐยังอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ตอนนั้น ยังตกงานไม่มีรายได้ต้องอาศัยเงินสวัสดิการแห่งรัฐเลี้ยงชีพเรื่อยมา จนกระทั่งธุรกิจน้ำแข็งไปได้ดี มีรายได้ จึงซื้อทองเก็บเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ไม่ได้มีเงินเก็บ สามารถตรวจสอบได้ จึงอยากให้สังคมเข้าใจ เพราะที่โพสต์ ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังตรวจสอบและไปแจ้งความแล้ว เพราะตนก็เห็นจากสื่อโซเชียล เรื่องบัตรคนจนขึ้นอยู่ที่ความซื่อสัตย์ ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าใครไม่จนจริง ก็ต้องยกเลิกบัตร และต้องเรียกเงินคืนด้วย
ด้าน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้มอบให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปตรวจสอบข้อมูลแล้ว หากพบว่าขาดคุณสมบัติจะถูกตัดสิทธิ และต้องคืนเงินที่ได้ไปทั้งหมดให้รัฐ
ส่วนเงิน 500 บาท ที่ถูกโอนเข้าไปในบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ยืนยันว่า เงินดังกล่าวไม่จำกัดเวลาใช้ ไม่มีการดึงเงบินกลับคืน ดังนั้นไม่จำเป็นต้องรีบกดออกมาใช้
ขณะที่ นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า จากยอดผู้มีสิทธิได้รับเงิน 500 บาท รวมกว่า 11 ล้านคน วงเงินกว่า 5 พันล้านบาท ขณะนี้มีผู้ถือบัตรดังกล่าวไปกดเงินสดแล้ว 4 ล้าน 6 แสนราย เป็นเงินกว่า 2,300 ล้านบาท และ มีผู้ถือบัตร 8 แสน 5 หมื่นคน นำไปซื้อของร้านธงฟ้าประชารัฐเป็นเงิน 425 ล้านบาท เท่ากับว่า มียอดใช้จ่ายรวมกว่า 2,720 พันล้านบาท หรือประมาณ 50% ของวงเงินรวม
นางสาวสุทธิรัตน์ กล่าวอีกว่า วันนี้ (12 ธ.ค.) กรมบัญชีกลาง พร้อมจะโอนเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย อายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 10 เดือน จนถึงเดือนกันยายน 2562 มีผู้ได้รับเงินดังกล่าวกว่า 2 แสน 3 หมื่นคน รวมวงเงิน 920 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในวันที่ 21 ธันวาคม จะโอนเงินช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป อีกคนละ 1,000 บาท จำนวน 3 ล้าน 5 แสนคน รวมวงเงิน 3,500 ล้านบาท