ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ลงพื้นที่ติดตามคดี 2 ชายนิรนามถูกฆ่าคว้านท้อง ยัดเสาปูนถ่วงแม่น้ำโขง คาดไม่น่าจะก่อเหตุในไทย หลังพบกุญแจมือที่ล็อกมือผู้ตาย ไม่มีการนำเข้าจากจีน มาขายในไทยประมาณ 3 ปี
พลตำรวจโท สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม เพื่อติดตามความคืบหน้า กรณีพบ 2 ศพ ชายนิรนามถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน ด้วยการคว้านท้องแล้วยัดด้วยเสาปูนถ่วงแม่น้ำโขง
โดยศพแรกลอยอืด ในพื้นที่ สภ.ธาตุพนม เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 อีกสองวันต่อมา (29 ธ.ค.61) ก็เจออีกศพลอยติดฝั่งพื้นที่ สภ.เมืองนครพนม
หลังข่าวพบศพชายนิรนาม 2 ศพ ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมในลักษณะเดียวกัน โดยมีข่าวลือว่า อาจจะเป็นศพของนายสุรชัย แซ่ด่าน อายุ 76 ปี นักโทษการเมือง นักเคลื่อนไหวชื่อดัง และ ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่มีข่าวหายตัวไปในประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน คือสหายกาสะลอง และ สหายภูชนะ ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา
พลตำรวจโท สุรชัย (ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4) เปิดเผยภายหลังจากประชุมกับชุดคลี่คลายคดีประมาณ 1 ชั่วโมง ว่า จากแผนการประทุษร้ายทั้ง 2 ศพแล้ว ผู้ก่อเหตุไม่น่าจะก่อเหตุในไทย อีกทั้งกุญแจมือที่ล็อกข้อมือผู้ตาย ผลิตจากประเทศจีน และ ไม่มีการนำเข้ามาจำหน่ายในไทยประมาณ 3 ปี
รวมทั้งเคยมีคดีคล้ายกับลักษณะดังกล่าวในพื้นที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งผู้ก่อเหตุกระทำมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างรัดกุมที่สุด ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า ผู้ตายเป็นใครมาจากไหน หากผู้ใดสงสัยว่าจะเป็นญาติของตน ให้ติดต่อเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์ตัวบุคคล ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยินดีตรวจสอบให้อย่างเร็วที่สุด
ด้าน นางศิริรัตน์ จันทโคตร ผู้ใหญ่บ้านสำราญเหนือ หมู่ 2 ต.อาจสามารถ อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมชาวบ้าน พร้อมใจกันนิมนต์พระสงฆ์จากวัดจอมพาราวาส จำนวน 4 รูป ทำพิธีสวดชักอนิจจาบังสุกุล ตามคติความเชื่อของคนอีสานในลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อส่งวิญญาณของศพชายนิรนาม ที่ถูกฆ่าคว้านท้องอย่างโหดเหี้ยม แล้วโดนศพถ่วงลงแม่น้ำโขง ให้ไปผุดไปเกิด อย่ามีเวรแก่กันและกัน
ชาวบ้านบางคน เผยว่า หลังพบศพดังกล่าวแล้ว ชาวบ้านรู้สึกไม่สบายใจ บางคนระหว่างนอนหลับพักผ่อนอยู่ที่บ้านจะได้กลิ่นศพโชยมา เกิดความกังวลจึงปรึกษาหารือกัน มาทำบุญที่วัดจอมพาราวาส ต้อนรับปีใหม่ 2562 และถวายเพลพระที่ริมตลิ่ง บริเวณที่พบศพลอยอืดมาติดชายฝั่ง ทุกหลังคาเรือนจึงร่วมใจกันนำอาหารหวานคาวมายังศาลาชุมชน เพื่อทำพิธีสวดอนิจจาชักบังสุกุล