เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวหนึ่งในผู้ก่อเหตุยิงถล่มป้อมยามสถานีตำรวจยุทธศาสตร์กะลาพอ เป็นผลให้ตำรวจเสียชีวิต 3 นาย เมื่อปี 2549 ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
วันที่ 6 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี พร้อมด้วย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผบ.ฉก.ทพ.43 และกำลังพล ร่วมกันนำตัว นายมูฮัมหมัดฆอซซาร์ฟี อาแด อายุ 39 ปี ลงพื้นที่บริเวณป้อมยามสถานีตำรวจยุทธศาสตร์กะลาพอ ม.1 ต.เตราะบอน อ.สายบุรี เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ คดีร่วมกับพวกยิงถล่มสถานีตำรวจยุทธศาสตร์กะลาพอ จนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บ 1 นาย และยังบุกเข้าไปปล้นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไป 10 กระบอก ก่อนเจ้าหน้าที่ได้ไล่ติดไปจนเกิดการยิงปะทะกันเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิต 2 ราย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2549
โดย พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวคนร้ายมีประมาณ 10 คน ขับรถยนต์กระบะยี่ห้อโต้โยต้า รุ่นไมตี้เอ็กสีดำ หมายเลขทะเบียน บค 160 นราธิวาส (ป้ายทะเบียนปลอม) ใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้าป้อมยามสถานีตำรวจยุทธศาสตร์กะลาพอ เป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตทันที 3 นาย และได้รับบาดเจ็บ 1 นาย หลังจากนั้นคนร้ายจึงเข้าไปในป้อมนำเอาอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไปได้ จำนวน 10 กระบอก
ต่อมา เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 62 เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวทหารพรานที่ 44 และชุดสืบสวน สภ.สายบุรี สนธิกำลังบังคับใช้กฎหมายติดตามบุคคลเป้าหมาย ตามหมายจับของศาลปัตตานี ที่ จ.687/61 จากผลดีเอ็นเอตรงกับวัตถุพยานเหตุการณ์คนร้ายลอบโจมตี จนสามารถควบคุมตัว นายมูฮัมหมัดฆอซซาร์ฟี ได้ที่ร้านขายอุปกรณ์เลี้ยงนกในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองตะลุบันสายบุรี จึงได้นำตัวส่งเข้าหน่วยซักถาม ฉก.ทพ.43 เพื่อดำเนินกรรมวิธีซักถามขยายผล
ซึ่งนายมูฮัมหมัดฆอซซาร์ฟี ให้การว่าเข้าร่วมขบวนการเมื่อปี 2542 และยอมรับเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงป้อมสถานียุทธศาสตร์กะลาพอ เมื่อ 20 ก.ค. 2549 และให้การรับสารภาพอีกว่า ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะให้กับกลุ่มคนร้าย และขณะบาดเจ็บยังถูกเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุปัสสวะใส่ปากโดยอ้างว่าเพื่อรักษาบาดแผล และซัดทอดถึงผู้ร่วมก่อเหตุ 7 คน ประกอบด้วย
1.นายอิบรอเฮม มะเซง ทำหน้าที่ครูฝึก, สั่งการ, จัดหารถยนต์กระบะ และอาวุธไปก่อเหตุ
2.นายซูดิง กอแน
3.นายมะห์ยุดดิน บากา
4.นายซอมือลี สาเระ
5.นายบัดราน แลนิ
6.นายฮาซัน วาแม
และ 7.นายจอปี ไม่ทราบชื่อสกุลจริง
โดยทั้ง 7 คนเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับต่อไป