พรรคไทยรักษาชาติ เตรียมร้องศาลรัฐธรรมนูญ ขอใช้สิทธิรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อชี้แจงพยานและหลักฐาน
วันที่ 13 ก.พ. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.20 น. ที่ผ่านมา ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ และนายพิชิต ชื่นบาน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กรณีที่ กกต. มีมติยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติ
โดย ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า ขณะนี้เราทราบว่า ขั้นตอนอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่คำร้องเราก็ยังไม่เห็น หากทราบรายละเอียดแล้วจะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ในช่วงเวลา 15.00 น. จะมีการมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอใช้สิทธิรับทราบข้อกล่าวหา เพื่อชี้แจงพยานหลักฐาน เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่า ทาง กกต. ร้องเรียนหรือตัดสินเราด้วยเรื่องอะไร ข้อหาใด เรายังงงๆว่า ในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา กระบวนการเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ดังนั้นจึงอยากขอใช้สิทธิในฐานะพรรคการเมือง
นอกจากนี้ ร.ท.ปรีชาพล ได้กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทีมหาเสียงของเราที่แบ่งเป็น 7 ทีมยังลงพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีการประสานงานกับ ส.ส. โดยตลอด ส่วนแกนนำพรรคในส่วนกลางจะพิจาณาเรื่องการลงพื้นที่ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากในสัปดาห์นี้ต้องมุ่งเน้นไปในเรื่องของคดี และการจัดการในส่วนกลางก่อน ทั้งนี้ขอยืนยันว่าพรรคต้องเดินหน้าต่อ เพราะเราเป็นความหวังของผู้สมัคร และประชาชน ซึ่งเราประกาศตัวชัดเจนว่าเราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง และตั้งแต่มีพรรคมาเราก็ทำกิจกรรมมาตลอด โดยสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ยืนยันเราตั้งใจดี ไม่มีใครปรารถนาร้าย ขอยืนยันคำเดินว่าเราบริสุทธิ์ใจ
ทั้งนี้ ร.ท.ปรีชาพล ยังทิ้งท้ายว่า มันคงเร็วเกินไปที่จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที ณ วันนี้ เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก และผู้สมัครว่าเรายังเดินหน้าต่อ เพราะความสิ้นสุดของพรรคการเมืองจะมีต่อเมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลออกมา เราจึงต้องเป็นหลักให้สมาชิก และผู้ให้การสนับสนุน
ส่วนกรณีคำร้องที่ไทยรักษาชาติจะไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เป็นคำร้องเดียวกับที่ยื่นต่อ กกต. หรือไม่นั้น นายพิชิต ระบุว่า ความสิ้นสุดของพรรคการเมืองจะสิ้นสุดต่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสิ่งที่ กกต.กล่าวหา แต่การที่ กกต. ตั้งข้อกล่าวหาโดยที่พรรคไม่มีสิทธิแม้แต่รับทราบข้อกล่าวหา ไม่มีโอกาสแสดงข้อเท็จจริง พยานหลักฐานใดๆ จึงถือว่าชั้นสอบสวนเราไม่มีโอกาสเลย เมื่อตอนนี้เรื่องไปอยู่ในกระบวนการของศาล เพราะศาลรัฐธรรมนูยรับคำร้องของ กกต. แล้ว ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะไปยื่นคำร้องขอความเมตตาต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีโอกาสได้รับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากตอนนี้ พรรคไทยรักษาชาติ ถือเป็นคู่กรณีกับ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นคนกลางในการวินิจฉัย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเราจะไปยื่นคำร้องเพื่อขอให้ศาลเมตตา โดยยึดหลักนิติธรรม ที่สำคัญที่สุดขอให้พรรค มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหา อ้างพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้กระทำผิด
ทั้งนี้ทางพรรค มีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งสมาชิก ทั้งสาขา หลายฝ่ายสอบถามเข้ามาเรื่องความกังวล การจะสิ้นสุดสภาพของพรรคการเมืองจึงต้องขอความเมตตาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปโดยถูกต้อง และเที่ยงธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการยื่นพยานหลักฐานจะเป็นอย่างไรนั้น เราขอโอกาสเห็นข้อกล่าวหาก่อน เราจะได้รู้ประเด็นข้อกล่าวหาก่อน เวลานี้จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะยื่นพยานอย่างไร