วานนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงพื้นที่เขตสายไหม ช่วยผู้สมัครหาเสียง เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร่วมวงดีเบต เพื่อจะได้ผู้นำที่เป็นประชาธิปไตย ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ โต้กลับทันควัน ชี้ "พล.อ.ประยุทธ์" ไม่ใช่สมาชิกพรรค ไม่จำเป็นต้องร่วมวงดีเบต
วานนี้ (20 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนางสาวจิตภัสร์ กฤดากร ลงพื้นที่ ตลาดวงศกร เขตสายไหม ช่วยนายสมชาย เวสารัชตระกูล ผู้สมัครส.ส เขต 11 เบอร์ 8 พร้อมชูนโยบายแก้จน สร้างคน สร้างชาติ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแม่ค้าพ่อค้า และประชาชนที่เข้ามาจับจ่ายที่ตลาด
ภายหลังลงพื้นที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังสะท้อนปัญหาเรื่องปากท้องและเศรษฐกิจ พร้อมเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ลงมาเล่นการเมืองแล้วในฐานะแคนดิเดนนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ควรมาร่วมดีเบตกับพรรคอื่นๆด้วย เพราะหากอยากกลับสู่ประชาธิปไตย จะต้องได้ผู้นำที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ผู้นำอำนาจนิยม
ส่วน นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้สมัคร ส.ส.เขต เดินทางมาสักการะท่านท้าวสุรนารี เพื่อความเป็นสิริมงคล และให้กำลังใจกับผู้สมัครทั้ง 14 คน
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะผลักดันระเบียงเศรษฐกิจนครราชสีมา-ขอนแก่น ด้วยการพัฒนาพื้นที่เป็นนิคมอุตสาหกรรมทางราง ซึ่งเชื่อว่า ชาวโคราชจะสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.พรรคทั้ง 14 เขต
นายกอบศักดิ์ ยังกล่าวถึงการหาเสียงของหลายพรรคการเมืองที่ชูเรื่องการตัดงบประมาณกองทัพว่า ทางพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีการตัดงบกองทัพ เพราะทหารยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ แม้จะไม่มีสงคราม แต่ปัจจุบันทหารได้เข้ามาช่วยดูแลประเทศหลายเรื่อง ทั้งการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ติดภายในถ้ำหลวง การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามแนวชายแดน และภัยพิบัติต่างๆ
ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่หลายพรรค เรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ เข้าร่วมเวทีดีเบตว่า ถึงแม้ พลเอกประยุทธ์ จะได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในนามของพรรค
แต่สถานะของพลเอก ประยุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงไม่เหมาะที่จะลงมาดีเบต เพราะไม่ใช่สมาชิกพรรค และ พลเอกประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องดีเบตเพราะที่ผ่านมาได้แสดงวิสัยทัศน์ในนามนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องอยู่แล้ว
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ช่วยผู้สมัครส.ส.ทั้ง 6 เขตหาเสียงทั้ง 6 เขต โดยใช้คาราวานรถปราศรัย 18 คัน นำโดย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และผู้บริหารพรรค
นายจตุพร กล่าวว่า หลังจากแม่น้ำ 5 สาย ออกแบบรัฐธรรมนูญ ให้ พลเอก ประยุทธ์ แต่งตั้ง ส.ว. 250 คน โดยให้อำนาจส.ว.ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งคนที่จะเป็นนายกฯต้องการคะแนนเสียงสนับสนุน 376 เสียง เท่ากับว่า พลเอก ประยุทธ์ ต้องการเสียงจากประชาชนอีกเพียงแค่ 126 เสียงเท่านั้นก็จะได้เป็นนายกฯ
จึงขอท้าพลเอกประยุทธ์ว่า ถ้าพรรคลังประชารัฐได้ไม่ถึง 126 ที่นั่ง พลเอก ประยุทธ์ ต้องประกาศอย่างลูกผู้ชายขอถอนตัวออกจากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และสื่อสารไปยัง ส.ว. ที่แต่งตั้ง ให้ทำตามเจตนารมณ์ของประชาชนแต่ตนเชื่อว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ไม่ถึง 126 เสียงแน่นอน
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำทัพผู้สมัครเขตปทุมธานี ทั้ง 6 เขต ลงพื้นที่หาเสียงในตลาดรังสิต จ.ปทุมธานี ชูนโยบายการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้า โดยมีพ่อค้าแม่ค้า และผู้ที่มาเดินจับจ่ายซื้อของ ต่างพากันมอบดอกไม้ให้กำลังใจ
จากนั้นนายอนุทิน พร้อมผู้สมัครส.ส.เดินทางไปตั้งเวทีปราศรัยที่ตลาดสามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
นายอนุทิน ยืนยันนโยบายผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น พรรคภูมิใจไทยจะทุ่มเททำงานเต็มความสามารถ ไม่สนใจว่าใครจะทะเลาะกัน หากต้องการพรรคที่ตั้งใจทำงานเพื่อปากท้องประชาชน ขอให้เลือกพรรคภูมิใจไทย แล้วท่านจะไม่ผิดหวัง
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่พบปะประชาชน ย่านสยามแสควร์ โดยประชาชนเข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยกับนายธนาธรจำนวนมาก
นายธนาธร ได้กล่าวขอบคุณประชาชน ที่ติด แฮชแทค เซฟธนาธร จนขึ้นเป็นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง จากกรณีอัยการเร่งรัดคดีที่ตนเอง พร้อมกรรมการบริหารพรรครวม 3 คน ถูกแจ้งข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากกรณีจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ในเพจเฟซบุ๊ก อนาคตใหม่ และเพจเฟซบุ๊ก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ วิจารณ์กระแสข่าว กรณีพลังดูดของ คสช. เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561
นายธนาธร ยืนยันว่า กรณีดังกล่าว ไม่ได้ทำให้ตนเสียขวัญ และกำลังใจในการทำงาน ตนและสมาชิกคนอื่นๆจะเดินหน้าหาเสียงต่อไป และขอกำลังใจจากประชาชนที่รักความถูกต้องร่วมกันสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ต่อไป
สำหรับคดีดังกล่าว พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนส่งอัยการในวันที่ 22 ก.พ.นี้ และได้นัดหมายให้นายธนาธร และกรรมการบริหารพรรคอีก 2 คน ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งวันพรุ่งนี้ (22 ก.พ.) ต้องจับตาว่า ทั้ง 3 คน จะถูกนำตัวไปฝากขังหรือไม่