พนักงานสอบสวน เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาตำรวจที่วิสามัญฆาตกรรม "กอล์ฟ" ผู้ต้องหาจี้รถขนเงิน ในข้อหาฆ่าผู้อื่น ส่วนคดีที่ผู้ต้องหาก่อขึ้น ส่งสำนวนให้อัยการจำหน่ายคดี เนื่องจากเสียชีวิตแล้ว
กรณีที่ตำรวจนำกำลังวิสามัญฆาตกรรมนายทักษ์ดนัย เหนี่ยวรั้งใจ หรือ กอล์ฟ ผู้ต้องหาคดีจี้ชิงเงินรถขนเงิน ได้เงินสดไปกว่า 7.2 ล้าน ที่ริมพงหญ้ากลางซอยทวีวัฒนา 1 แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา คดีนี้ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงมาดูคดีด้วยตนเอง
เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะตำรวจนำกำลังไปจับกุม ผู้ต้องหาไหวตัวทัน หลบหนีเข้าพงหญ้า ชักอาวุธปืนลูกโม่ ยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อนทันที 4 นัด เจ้าหน้าที่ต้องกระโดดหลบกระสุนจ้าละหวั่น และจำเป็นต้องยิงสวนเพื่อป้องกันตัว กระสุนเข้าที่กลางอก 2 นัด เสียชีวิตคาที่ ส่วนการตรวจค้นรถจักรยานยนต์ของผู้ต้องหา พบเงินสด 3 แสนบาท ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะรถ
พันตำรวจเอกนภดล กาญจนพันธุ์ ผู้กำกับการ สน. หนองค้างพลู ระบุว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ จะต้องรอให้ทางกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบพยานหลักฐาน และวิถีกระสุนทั้งหมด รวมถึงรถตำรวจที่ถูกยิง เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดีการวิสามัญฆาตกรรม
ก่อนจะแจ้งข้อหากับตำรวจที่วิสามัญในข้อหาฆ่าผู้อื่น และแจ้งข้อหานายทักษ์ดนัย ในข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน แต่เนื่องจากนายทักษ์ดนัยเสียชีวิต จึงต้องจำหน่ายคดี
ด้านนางสุพัตรา เหนี่ยวรั้งใจ แม่ของกอล์ฟ ที่เดินทางมารับศพลูกชายที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ร้องไห้อย่างหนัก พร้อมตะโกนขอความยุติธรรมให้ลูกชายว่า แม่ไม่ยอมเด็ดขาด ลูกแม่ไม่ได้ทำ ปืนเป็นของตำรวจ ไม่เชื่อว่า ยิงสู้ตำรวจ
นางสุพัตรา ยังบอกว่า กอล์ฟ เป็นลูกชายคนโต ปกติลูกชายเป็นคนนิสัยดี รักครอบครัว แต่วันที่เกิดเหตุติดต่อลูกชายไม่ได้ มารู้อีกทีก็เห็นข่าวแล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่า ลูกชายเป็นผู้ลงมือก่อเหตุปล้นรถขนเงินปี 2560 นั้น ตนไม่เชื่อว่าลูกชายจะเป็นคนก่อเหตุ
เพราะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ลูกเป็นคนดี รักครอบครัว และบ้านที่พักอาศัยอยู่ปัจจุบัน ก็ไม่ได้มาจากเงินที่ผิดกฎหมายแน่นอน
แม่ผู้ตาย ยังบอกว่า การวิสามัญที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ตำรวจพยายามปกปิดข้อมูล และสร้างสถานการณ์ขึ้นมา หลังจากนี้ จะเดินหน้าขอความเป็นธรรม และจะขอให้พิสูจน์ศพลูกชายอีกครั้ง
ส่วนเงินของกลางอีกกว่า 3 ล้านที่หายไป ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบ และจะขยายผลกับผู้ที่อาจเกี่ยวข้องต่อไป