พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสารเตือนพรรคการเมืองให้ระมัดระวังการชูนโยบายใช้งบจำนวนมาก และการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
วานนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งสารถึงสื่อมวลชน แสดงความเห็นถึงกรณีที่พรรคการเมืองชูนโยบายที่จะใช้งบประมาณจำนวนมาก
มีเนื้อหาระบุว่า การจะดำเนินการเรื่องใดๆ ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณรัฐจำนวนมาก ขอยืนยันว่า ทุกรัฐบาลจะต้องดำเนินการภายใต้ระเบียบ วิธีการ กฎหมายด้านงบประมาณ การเงิน การคลัง และกฎหมายอื่น ๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับรายได้ และสัดส่วนงบประมาณโดยรวมของรัฐ มีทางเดียวที่จะทำได้ตามที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงกันไว้คือ
รัฐต้องมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการจัดเก็บภาษีทั้งทางตรง ทางอ้อม กำไรและรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นๆ การขึ้นค่าแรงก็ต้องไม่กระทบต่อการลงทุน
ขอยืนยันว่า หากเรายังหารายได้ให้รัฐมากขึ้นไม่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถทำตามนโยบายที่หลายพรรคการเมืองหาเสียงไว้ได้ ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่ว่านายกรัฐมนตรี และรัฐบาลจะเป็นใครพรรคใด จะต้องมีธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน จะต้องชี้แจงได้ว่าเราจะหางบประมาณมาจากไหน อยู่ในวินัยการเงินการคลังหรือไม่ รัฐบาลจะต้องดูแลประชาชนทุกภาคส่วนอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ
ส่วนประเด็นนโยบายที่ถูกวิจารณ์มาก คือ นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท และคนจบปริญญาตรีเงินเดือน20,000 บาท ของพรรคพลังประชารัฐ
โดยเมื่อวาน นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงข่าวชี้แจง
นายอุตตม กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงทุกอย่างมีเหตุผล คือ การปรับค่าแรงให้ทันกับค่าครองชีพ ไม่ได้พูดเพื่อก่อให้เกิดเงินเฟ้อ โดยพรรคจะทำให้เกิดความเหมาะสม ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ จะเสนอแนวทางในเชิงปฏิบัติที่สามารถทำได้และจะไม่กระทบต่อผู้ประกอบการ
แต่ทั้งหมดจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการโดยทำเป็นขั้นตอน ส่วนสิ่งที่นายกฯ แสดงความห่วงใยเป็นสิ่งที่ดี เพราะต้องการให้ระมัดระวังในการนำเสนอนโยบายที่จะมีผลกระทบต่อประเทศ
ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่านโยบายของเราไม่ก่อให้เกิดผลเสียตามมา ยืนยันว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันทั้งระบบ เพื่อยกระดับการแข่งขัน โดยเฉพาะ sme เพื่อให้เท่าทันกับโลกของนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
ด้านนายชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯสื่อสาร อาจจะพูดไปพรรคพลังประชารัฐ เพราะว่า เสนอนโยบายที่ใช้เงินเยอะ แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้เน้นเรื่องการใช้เงิน เพราะมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะต้องเข้าไปเป็นรัฐบาลก่อน จะเห็นสภาพที่แท้จริงว่าสถานะทางการเงินการคลังเป็นอย่างไร
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยกำหนดเป็นเป้าหมายไว้แล้ว ซึ่งค่าแรงขั้นต่ำในอนาคตต้องมีการปรับขึ้น แต่ขณะนี้เศรษฐกิจยังไม่ดี ต้องรอให้เศรษฐกิจเข้มแข็งขึ้นก่อนจึงจะปรับค่าแรงขั้นต่ำได้ หัวใจหลักของรัฐบาลตอนนี้ ไม่ใช่ขึ้นทันที แต่ต้องทำให้เศรษฐกินดีขึ้นก่อน เพราะจะทำให้ค่าแรงขึ้นตามไปด้วยได้ ซึ่งต้องขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสภาพเศรษฐกิจ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายขึ้นค่าแรงของพลังประชารัฐว่า นโยบายของพรรคภูมิใจไทย จะทำให้ประชาชนยืนบนขาตัวเอง จะไม่เสนอรูปแบบประชานิยม การเสนอให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท ได้ถามนายจ้างแล้วหรือยังว่าไหวหรือเปล่า
ไม่เชื่อลองไปฟังสิ่งที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ พูดว่า หากขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ต่อไปอาจจะได้กินก๋วยเตี๋ยวชามละ 100 บาท จึงอยากแนะนำว่า ทุกอย่างต้องมีการศึกษา และถามทุกฝ่ายให้เรียบร้อยก่อน ไม่ใช่ว่าคิดอะไรมาฟังดูดี ดูเพราะ แต่พูดออกไป หากทำไม่ได้ คนพูดต้องรับผิดชอบ
ส่วนกรณีที่มีการวิเคราะห์ว่าพรรคภูมิใจไทย จะไปสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดว่าจะไปร่วมกับใครจัดตั้งรัฐบาล ยืนยันพรรคภูมิใจไทยเป็นเอกเทศ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเป็นพระเอกของเรื่องที่สาวๆต้องตามมาจีบ
นายอนุทิน ยังกล่าวระหว่างปราศรัยที่ตลาดเซฟวัน จ.นครราชสีมาว่า หากใครจะเป็นรัฐบาลต้องมีพรรคภูมิใจไทยด้วย เพราะเราจะไม่ให้ทะเลาะกัน ใครทะเลาะกัน เราถอนตัวจากรัฐบาล รัฐธรรมนูญนี้ให้พรรคภูมิใจไทยเข้าไปเป็นกรรมการห้ามมวย ใครมีปัญหา พรรคภูมิใจไทยจะชกหน้ามันเอง
ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยขอบอกว่าคนที่เราจะไปร่วมรัฐบาลได้นั้น มี 4 ข้อ คือ 1.พรรคนั้นต้องไม่มีความขัดแย้ง 2.ต้องรักประชาชน 3.ต้องเทิดทูนสถาบัน และ4.ต้องทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง ถ้าทำได้พรรคภูมิใจไทยจะยกตำแหน่งนายกฯให้ไปเลย แต่หากทำไม่ได้ ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง
ส่วนท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ร่อนหนังสือเตือนทุกพรรคการเมืองเวลาหาเสียงให้คำนึงถึงเรื่องภาระงบประมาณ คิดว่า ความจริงท่านไม่ต้องส่งหนังสือถึงทุกคน แต่ควรจะส่งหนังสือถึงพลังประชารัฐพรรคเดียว
เพราะเป็นพรรคที่กำลังจะเอานโยบายคนอื่น ซึ่งตัวเองไม่เคยปฏิบัติมา 5 ปี แต่เห็นคนอื่นจะทำอะไรก็บวกตัวเลขเข้าไปเพื่อมาเร้าใจประชาชน แต่รัฐบาลก็ทำไม่ได้ เพราะ 5 ปี รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ ทำคนจนเพิ่มอีก 7 ล้านคน
วานนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังได้เผยแพร่คลิปวิดีโอชุดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “จะร่วมกับใครจัดตั้งรัฐบาล” ความยาว 41 วินาที ซึ่งมีเนื้อหาย้ำจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองที่มีประวัติการทุจริตและไม่สนับสนุนเผด็จการ เพราะนักการเมืองที่เข้ามาโกง คือ ข้ออ้างของการปฏิวัติตลอด 20 ปีที่ผ่านมา จนทำให้เศรษฐกิจพัง ประเทศเสียหาย พรรค จึงขอนำประเทศออกจากวงจรอุบาทว์นี้
ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้ในสภามีแค่สองฝั่งคือเอา พลเอกประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่เอา พลเอก ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็ยังมีพวกที่กั๊กอยู่ พรรคที่กั๊กต้องตอบให้ชัดเจนก่อนวันเลือกตั้ง ถ้าพรรคนั้นไม่ตอบขอให้ประชาชนช่วยทวงถามด้วย
ส่วนกรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศพร้อมจับมือทุกพรรคการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นว่า พลเอกประยุทธ์เข้ามาทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้ประเทศเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น รวมทั้งเป็นการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นตั้งรัฐบาล ทางพรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที