สถานการณ์มลพิษหมอกควัน ทวีความรุนแรงขึ้นอีกระลอก ในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ โดยที่จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดออกมาชี้แจงสถานการณ์ และตอบคำถามกรณีที่มีการล่ารายชื่อขับไล่ออกจากตำแหน่ง
วานนี้ (23 มี.ค.62) ทหารนำรถบรรทุกน้ำ ออกฉีดพ่นละอองน้ำ เพื่อสร้างความชุ่มชื่น บริเวณคูเมือง หน้าสวนสาธารณะหนองบวกหาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ หลังสถานการณ์มลพิษหมอกควัน เริ่มทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ทำให้ตัวเมืองเชียงใหม่ ถูกปกคลุมด้วยหมอกควันสีเทา จนหนาทึบ ขณะที่เว็บไซต์ แอร์วิช่วล จัดอันดับให้ จังหวัดเชียงใหม่ มีดัชนีคุณภาพอากาศแย่ที่สุด ติดอันดับ 1 ของโลก อีกครั้ง โดยมีดัชนีคุณภาพอากาศ หรือ AQI สูงถึง 415
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออกเดินแจกหน้ากากอนามัย ให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่ข่วงประตูท่าแพ ถนนคนเดินวัวลาย และบนถนนห้วยแก้ว อำเภอเมืองเชียงใหม่
ส่วนช่วงค่ำ ได้มีการจัดแถลงข่าว ชี้แจงสถานการณ์มลพิษหมอกควัน ที่กลับมาเกินค่ามาตรฐานเป็นระลอกที่สอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ เบิกจ่ายงบเพื่อจัดซื้อหน้ากากอนามัย แจกจ่ายให้ประชาชน โดยไม่ต้องรอให้มีการประกาศเขตภัยพิบัติฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังตอบคำถามกรณีที่ชาวเชียงใหม่ ไม่พอใจการแก้ปัญหาหมอกควัน และมีการล่ารายชื่อ เพื่อขับไล่ตนออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ ทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยระบุว่า จังหวัดพยายามแก้ปัญหาเรื่องหมอกควันมาโดยตลอด แต่อาจจะขาดการสื่อสารให้ประชาชนรับทราบ
จากนี้ จะพยายามทำงานให้ครอบคลุมทั้ง 2 ด้าน คือ สร้างความเข้าใจให้ประชาชน และเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ สมพร จันทระ หัวหน้าศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม ผู้เชี่ยวชาญมลพิษทางอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์มลพิษหมอกควัน จะรุนแรงมากขึ้น ในช่วง 2-3 วันนี้ จึงอยากแจ้งเตือนประชาชน ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย N95 ที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ แม้แต่ในบ้าน ที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ หรือเครื่องฟอกอากาศ คาดว่า วันนี้ (24 มี.ค.62) ค่า pm 2.5 จะพุ่งสูงขึ้นอีก
โดยสถานการณ์มลพิษหมอกควัน จะคลี่คลายลง ต่อเมื่อมีกระแสลมพัดเข้ามา แต่ขณะนี้ฝุ่นกระจุกตัว เพราะสภาพอากาศนิ่ง ประกอบกับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเมืองแอ่งกระทะ เมื่ออากาศนิ่ง ความกดอากาศสูง มลพิษก็จะกดอยู่ข้างล่าง
ส่วนที่จังหวัดลำปาง วานนี้ (23 มี.ค.62) เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้ง 4 เครื่อง ของจังหวัดลำปาง ตรวจพบว่า ค่า PM 2.5 และ ค่า PM10 เกินค่ามาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอีกครั้ง และทำให้กลุ่มหมอกควัน ปกคลุมพื้นที่ จนทัศนวิสัยเหลือเพียง 100-200 เมตร เท่านั้น
โดยที่ท่าอากาศยานลำปาง ต้องมีการเปิดไฟนำร้องบนรันเวย์ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักบินและผู้โดยสาร
ทั้งนี้ พื้นที่จังหวัดลำปาง เพิ่งจะมีอากาศสดชื่นได้เพียง 2 วัน หลังจากมีฝนตกลงมา ระหว่างวันที่ 18-19 มีนาคมที่ผ่านมา จนทำให้สถานการณ์มลพิษทางอากาศลดลงไป
แต่หลังจากนั้น ปรากฏว่า พื้นที่อำเภอรอบนอก มีการลักลอบเผาป่าหญ้าแห้งต่อเนื่อง อีกทั้งมีกลุ่มควันไฟจากพื้นที่อื่นๆ พัดเข้ามา จึงทำให้จังหวัดลำปาง เกิดปัญหามลพิษทางอากาศอีกครั้ง
และที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน วานนี้ (23 มี.ค.62) กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ตำบลจองคำ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน พบว่า PM2.5 และ PM10 อยู่ในเกณฑ์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นอกจากนี้ ยังพบจุดความร้อน 162 จุด มากสุดที่อำเภอเมือง จำนวน 56 จุด
นายสุนทร กันทะมาลา นักอุตุนิยมปฏิบัติการ สถานีอุตุนิยมวิทยาแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ค่าทัศนวิสัย มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากหมอกควันเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะ และภาคเหนือมีลมอ่อนพัดปกคลุม อากาศไม่ยกตัว ทำให้ควันไฟป่าสะสมมากขึ้น และส่งผลกระทบต่อการบินของอากาศยานทุกชนิด