"จตุพร" แถลงยุติบทบาทผู้ช่วยหาเสียง หลังภารกิจเลือกตั้งสำเร็จ ชี้ สถานการณ์ประเทศถึงทางตัน เรียกร้อง กกต.รับผิดชอบ ทำคะแนนเลือกตั้งโปร่งใส
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อชาติ ประกาศยุติบทบาทการเป็นผู้ช่วยหาเสียงและกองเชียร์พรรคเพื่อขาติ โดยมีการแจ้งให้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคทราบ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม
ซึ่งในทันทีที่พรรคเพื่อชาติได้แสดงจุดยืน ร่วมกับฝ่ายประชาธิปไตย ตนจึงทำหน้าที่ประธาน นปช.สถานะเดียว การที่ผู้กองปูเค็ม ไปยื่น กกต. ให้ยุบพรรคเพื่อชาติ เพราะมองว่า ปล่อยให้ตนเองซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่มีตำแหน่งใดๆ ในพรรคเพื่อชาติ เข้ามาครอบงำพรรคหรือไม่นั้น
อยากชี้แจงว่า ตามกฎหมายมีตำแหน่งผู้ช่วยหาเสียง และเป็นทางเดียวที่ตนเองจะทำได้ โดยมีการยื่นหนังสือไปที่ กกต. และ กกต.ก็รับรองสถานะ และสามารถกระทำได้ ประเด็นนี้จึงไม่กังวลเรื่องการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด
นายจตุพรยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมืองว่า ต้องการเห็นความรับผิดชอบของ กกต. เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ สกปรกกว่า ปี 2500 และมีเหตุที่จะทำให้เกิดความเป็นโมฆะ มากกว่าปี 2557 และ 2549
เพราะการเลือกตั้งทุกครั้ง การนับคะแนนจะต้องยุติลงอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่วันเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้ ผ่านไปหลายวันหลังการเลือกตั้ง กกต. ประกาศยอดผู้มาใช้สิทธิ์ ประมาณ 3.3 ล้าน และมีการประกาศเพิ่มมาเป็น 3.8 ล้านคะแนนเพิ่มขึ้นมา
รวมถึงจำนวนบัตร และจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน แม้จะมีการใช้คำว่า "บัตรเขย่ง" เข้ามาใช้ ส่วนตัวก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน มองว่า เป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ แต่น่าจะเป็นการอธิบาย เพื่อให้พ้นข้อสงสัยเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ยังเห็นว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา กกต. ยังไม่ถูกกล่าวหาว่า ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม แต่ครั้งนี้ มีข้อสงสัยเรื่องตัวเลขหลายกรณี รวมถึงรัฐธรรมนูญปี 2560 นั้น จะนำประเทศชาติ ไปสู่ทางตัน ซึ่งไม่ว่าฝ่ายใด ก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ โดยทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งซ่อม ประชาชนจะเลือกเป็น
แม้ว่า จะมีการแจกใบแดง ใบเหลือง แต่ก็ไม่ทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลง นอกจากมีเป้าประสงค์ที่ต้องการทำให้เกิด "งูเห่า" ขึ้นมา จึงขอร้องเรียนไปยังพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากจะใช้วิธีการซื้อ ส.ส. หรือปล้นสมาชิกพรรคอื่น เพื่อให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เชื่อว่า วันที่ได้ก็นายกรัฐมนตรี ก็จะเป็นวันสุดท้ายของความน่าเชื่อถือในตัวท่านเอง
นายจตุพรยังกล่าวด้วยว่า ความผิดปกติของการนับคะแนนการเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะทำให้คะแนนเปลี่ยนแปลงไปมาหลายครั้ง และจากนี้ไป อาจจะมีการแจกใบแดง ใบเหลือง ใบส้ม
ซึ่งมองว่า ทั้งหมดเหล่านี้ จะเป็นตัวต่อรองให้เกิด"งูเห่า" ในพรรคฟากประชาธิปไตย ซึ่งพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่ กำลังเผชิญอยู่กับปัญหานี้อยู่ ขณะเดียวกันปัญหาของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอยู่ขณะดนี้ ไม่อยากจะให้เกิดการออกมาชุมนุม โดยเฉพาะกลุ่มของนักศึกษา จนเกิดเหตุพฤษภาทมิฬ เหมือนปี 2535 ที่มีคนบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก