ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะลงมติว่าจะยื่นคำร้องเลือกตั้งโมฆะ และปัญหาการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในวันพรุ่งนี้
นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยความคืบหน้าการพิจารณาคำร้องนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ที่ขอให้วินิจฉัยว่า เป็นโมฆะหรือไม่ และให้วินิจฉัยว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 เรื่องการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่ว่า
ได้รับหนังสือชี้แจงทั้งสองคำร้องจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปสำนวน ก่อนนำเข้าที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินนัดพิเศษ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.30 นาฬิกา ซึ่งจะเป็นการลงมติเพื่อจะส่งศาลรัฐธรรมนูญ หรือศาลปกครองพิจารณาต่อหรือไม่
นายรักษเกชา ระบุว่า วานนี้ (24 เม.ย.) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ ได้มายื่นร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้พิจาณาวิธีคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่เช่นกัน ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับที่นายเรืองไกร ยื่นเรื่องก่อนหน้านี้ ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินก็จะพิจารณาไปในคราวเดียวกันเลย
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องจาก กกต.กรณีสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชี่รายชื่อ วันนี้ กกต.ได้นำเรื่องนี้หารือตั้งแต่เช้า ล่าสุดนายแสวง บุญมี รองเลขาธิการ กกต.แถลงข่าวเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ถึงกรณีที่ศาลไม่รับคำร้อง แต่ก็ถือว่าเป็นหน้าที่ กกต.ที่ต้องประกาศรายชื่อให้ได้ก่อนเวลาที่กฎหมายกำหนด
ส่วนการจะใช้แนวทางใดในการประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กกต.ก็จะต้องนำข้อกฎหมายมาพิจารณา รวมถึงข้อโต้แย้งจากฝ่ายอื่นๆ ที่ กกต.ให้สำนักงาน กกต.ไปศึกษาแนวคิดตามสูตรอื่นๆว่า สามารถทำได้หรือไม่ และชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
ซึ่งสูตรที่ กกต.ยืนยันตามแนวทางกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ก็เปิดเผยมาตลอด แต่หลังจากการเลือกตั้งที่มีผลออกมาจึงมีคนออกมาโต้แย้ง อย่างไรก็ตาม กกต. ต้องประกาศผลให้ทัน วันที่ 9 พฤษภาคม
การยื่นเรื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะรับไว้พิจารณา โดยเฉพาะการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลังจากที่ศาลยกคำร้องของ กกต. ประเด็นนี้มีความกังวลจากพรรคเพื่อชาติ
อย่าง ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ที่บอกว่า ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะขั้นตอนต่างๆถูกกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ กกต.ควรจะทราบตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง
แต่กลับประวิงเวลา จนทำให้ประชาชนสงสัยว่า กกต.ตั้งใจหาทางตีความกฎหมาย เพื่อเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความมั่นใจในการวินิจฉัยของ กกต.ในเรื่องอื่นๆด้วย จึงอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะซ้ำรอย การเลือกตั้งปี 2549และ2557 ที่เป็นโมฆะ และทำให้ กกต.มีความผิด ติดคุก
อีกทั้งเกรงว่า กกต.จะยิ่งตกเป็นจำเลยสังคมหนักกว่าที่ผ่านมา หากยังไม่สามารถทำให้ประชาชนเห็นถึงความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม ได้ และหาก กกต. ทนแรงกดดัน และรับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ไหว อาจชิงลาออกไปก่อน ส่งผลทำให้การเลือกตั้งไม่ครบองค์ประกอบ เพราะขาดผู้ที่มาจัดการเลือกตั้ง และอาจจะทำให้การเลือกตั้งเกิดปัญหากลายเป็นโมฆะได้ในที่สุด
ขณะที่ยังมีการยื่นเรื่องร้องเรียนที่สำนักงาน กกต.ต่อเนื่อง ซึ่งนางสาวพัสวี ภัทรพุทธากร ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่เขต 2 กรุงเทพมหานคร เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติม เป็นครั้งที่ 4 เพื่อขอให้ กกต.นับคะแนนใหม่ และขอให้เข้าไปสังเกตการณ์ในการนับคะแนนใหม่ด้วย เนื่องจากพบว่า การนับคะแนนในหลายหน่วยมีข้อผิดพลาด
และผลคะแนนที่ขึ้นแสดงบนกระดานหน้่าหน่วยก็ไม่ตรงกับ เอกสารรายงานผลการนับคะแนนเช่น ในหน่วยเลือกตั้งที่ 7 คะแนนหน้าหน่วย 274 คะแนน แต่ไปลงในเอกสารเพียง 90 คะแนน หายไป 184 คะแนน จึงเชื่อว่า หากนับคะแนนใหม่ คะแนนของพรรคอนาคตใหม่น่าจะได้มากขึ้น ที่สำคัญอาจชนะเป็นที่ 1 เพราะคะแนนรวมห่างจากที่ 1 เพียง 273 คะแนน
ส่วนที่มีการร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยว่า ขาดคุณสมบัติ เพราะเคยถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ ทาง กกต.ได้ทำหนังสือให้ผู้ร้องเข้าให้ข้อมูลในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทางพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ที่วันนี้นำสมาชิกพรรคไปสมัครจิตอาสาเฉพาะกิจงานพระราชพิธี พูดถึงเรื่องนี้ว่ามือปืนรับจ้างที่ไปยื่นฟ้อง ให้ระวังติดคุก