อาจารย์จุฬาฯ โพสต์เผยสาเหตุทำไมกินทุเรียน แล้วเป่าแอลกอฮอล์ไม่ผ่าน ที่ประเทศจีน
จากกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หนุ่มชาวจีนคนหนึ่ง ถูกตำรวจจับฐานเมาแล้วขับ ทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้า เพียงแต่กินทุเรียนมา
เรื่องนี้ รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นว่า มีหลายคนสงสัยว่าจะจริงเหรอ ที่กินทุเรียนแล้วไปเป่าเจอแอลกอฮอล์ จนถูกตำรวจจับ โดยอธิบายว่ามันเป็นไปได้ที่ในทุเรียนสุก จะมียีสต์ธรรมชาติ ที่เปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ได้เล็กน้อย เหมือนกับกรณีที่เคยเป็นข่าวคนที่กินลิ้นจี่หรือลำไยมากๆ แล้วเป่าพบค่าแอลกอฮอล์สูง
แต่ตามข่าวในประเทศจีน ชายคนนี้เป่าแอลกอฮอล์ได้ 36 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีค่ามากเกินกฎหมายของประเทศจีนกำหนด แต่ในประเทศไทย กฎหมายกำหนดที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นปัญหากับคนไทยที่ชอบกินทุเรียนแล้วขับรถ แต่หากเกินกำหนดจริงก็ให้แจ้งตำรวจว่าไม่ได้ดื่มสุรา ขอดื่มน้ำ กลั้วปาก รอสักครู่ ค่าที่เป่าได้ควรจะลดลงมาเป็นค่าปกติ เพราะไม่ได้มีแอลกอฮอล์อยู่ในเส้นเลือดเหมือนการดื่มสุรา