ส.ส. "พลังประชารัฐ" โวยห้องประชุมสภาทีโอที มีอุปสรรคตั้งแต่นับองค์ประชุม-ลงมติ ในการประชุมสภาฯ ทำสูญเงินภาษีประชาชน 11 ล้านต่อเดือน
วันที่ 28 พ.ค. 2562 นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงปัญหาการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยระบุว่า จากสาเหตุการก่อสร้างที่ล่าช้า ที่ใช้เวลามานานกว่า 8 ปี จนต้องขยายสัญญาการก่อสร้างออกไปอีก และที่สำคัญจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีกำหนดเวลาในการเข้าใช้งานอาคารรัฐสภาได้ ทำให้การเปิดประชุมสภาฯ เพื่อใช้ในการเลือกประธานและรองประธานสภาฯ ต้องไปใช้ห้องประชุมของทีโอที โดยใช้งบประมาณเช่าเดือนละ 11 ล้านบาท เป็นสถานที่ประชุมรัฐสภาชั่วคราว ทำให้มีอุปสรรคในการประชุมจากอุปกรณ์ในห้องที่ไม่เหมาะสมกับการประชุม เห็นได้จากการลงมติและการนับองค์ประชุมไปเป็นอย่างทุลักทุเล
"ส.ส. ทุกท่านเข้าสภาฯ เพื่อทำหน้าที่แทนประชาชน อีกทั้งยังมีงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนนำมาจ่ายเป็นค่าตอบแทนให้กับ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ชำนาญการ และผู้ช่วยอีก 5 คน งบประมาณตรงนี้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/เดือน ยังไม่รวมเงินเดือนของ ส.ส. และ ส.ว. แต่การทำงานกลับมีอุปสรรค ผู้ที่จะมาช่วยงานสมาชิกไม่สามารถค้นคว้าข้อมูลจากที่ใดได้เลย ที่ประชุมแห่งนี้มีแต่ห้องประชุมเท่านั้น เพราะฉะนั้นงบประมาณที่ต้องเสียไปในแต่ละเดือนถือว่าไม่คุ้มกับคุณภาพของงานที่จะได้รับ" นายสิระ กล่าว
นอกจากนี้ นายสิระ ยังกล่าวต่ออีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่มีข้อสรุปว่าเมื่อใดอาคารรัฐสภาจะสามารถเปิดใช้ได้เต็มรูปแบบ การสูญเงินที่มาจากภาษีของประชาชนกว่า 11 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่าเช่าห้องประชุม เหมือนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบสุกเอาเผากิน ทั้งๆที่เงินก้อนนี้ไม่ควรจะต้องเสียอีก เพราะฉะนั้นตนอยากตั้งคำถามว่า การใช้งบประมาณโดยไร้ความจำเป็น และเหตุที่ทำให้ใช้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาที่ล่าช้า
ทั้ง ๆ ที่มีงบประมาณในการก่อสร้างมหาศาล ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณของแผ่นดินที่เสียหายไป และระยะเวลาที่แน่นอนในการเปิดใช้อาคารรัฐสภาได้คือเมื่อใด ประชาชนจะได้ทราบว่าพวกเขาต้องเสียเงินเป็นค่าเช่าห้องประชุมอีกมากแค่ไหน ตนขอเรียกร้องไปถึง นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ให้ตอบคำถามนี้ด้วย หากยังไม่ได้รับคำตอบ ในสัปดาห์หน้าตนจะเดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายสรศักดิ์ ด้วยตนเอง
"ผมไม่ได้ต้องการให้ใครเดือนร้อนจากเหตุการณ์นี้ แต่ในฐานะที่เข้ามารับเงินเดือนที่มาจากประชาชน ต้องพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนที่ให้ความไว้วางใจเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่ เรื่องอาคารรัฐสภาใหม่เป็นปัญหาที่ค้างคามานานหลายยุคหลายสมัย แต่ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกลับปล่อยปะละเลย ไม่สนใจที่จะแก้ไขหรือเร่งดำเนินการใดๆ จนเกิดความเสียหาย และกว่าอาคารรัฐสภาจะเข้าใช้ได้ เราจะต้องเสียเงินของประชาชนอีกมากแค่ไหน เช่น วันที่จะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเสียเงินเพื่อไปเช่าห้องประชุมที่ใดอีก เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่การโยนความผิดให้พ้นตัว และมาพูดเพียงแค่ว่าเปิดใช้ไม่ทัน" นายสิระ กล่าว