อพยพวุ่นกลางดึกกว่า 50 ครอบครัว หลังน้ำทะเลหนุนสูง ทะลักเข้าท่วมบ้านพักกรมชลประทาน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ยืนยันเขื่อนกั้นน้ำ ไม่ได้แตกตามข่าวลือ
กลางดึกที่ผ่านมา ประมาณ 3 ทุ่ม เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ้ง จุดคลองด่าน เร่งอพยพชาวบ้านเป็นการเร่งด่วน หลังเกิดเหตุน้ำทะเลไหลทะลัก เข้าท่วมบ้านพักเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่
พบว่า น้ำทะเลหนุนเข้าท่วมพื้นที่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ความสูงของน้ำประมาณ 1 เมตร ข้าราชการลูกจ้าง ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพักดังกล่าวต่างโกลาหล เก็บข้าวของขึ้นที่สูง และหนีออกมาอยู่ด้านนอกที่น้ำท่วมไม่ถึง
ซึ่งจากการมองด้วยสายตา พบว่า จุดดังกล่าว มีบ้านพักของเจ้าหน้าที่กรมชลประทานประมาณ 50 หลังคาเรือน มีทั้งที่เป็นห้องแถวและเป็นบ้านเดี่ยว มีรถจักรยานยนต์ที่จมอยู่ในน้ำจำนวนหลายคัน จึงช่วยกันเร่งอพยพ และประสานเจ้าหน้าที่การไฟฟ้านครหลวงมาตัดกระแสไฟ
สอบถามนายประสิทธิ์ บุญยัง อายุ 52 ปี เล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองนั่งอยู่ในบ้าน จู่ๆ มีน้ำทะลักไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว แค่เพียงระยะเวลา 5 นาที น้ำในบ้านนั้นสูงถึง 1.5 เมตร ทำให้ไม่สามารถเก็บข้าวของขึ้นที่สูงได้ทัน ต้องรีบออกจากบ้าน เนื่องจากเกรงว่า ไฟฟ้าจะรั่ว เนื่องจากน้ำท่วมสูงกว่าปลั๊กไฟฟ้า
ด้านนายชัยพร พรหมสุวรรณ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาชลหารพิจิตร ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวยืนยันว่า เขื่อนกั้นน้ำเค็มริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ได้แตกตามที่เป็นข่าว
ส่วนน้ำที่ทะลักท่วมนั้น เป็นน้ำทะเลหนุนสูงสุดของวันเดียวกัน เมื่อเวลา 2 ทุ่ม ทำให้น้ำทะเลล้นแนวกั้นที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างสถานีสูบน้ำชลหารพิจิตร ซึ่งอยู่ที่หัวงานติดฝั่งทะเล น้ำจึงไหลเข้ามา และท่วมบ้านพักเจ้าหน้าที่โครงการฯ ราว 50 ครอบครัว
ขณะที่นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินทางมาติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเผยว่า ขณะนี้น้ำทะเลได้ค่อยๆลดลงแล้ว เมื่อน้ำทะเลลง ก็จะเอาท่อขนาดใหญ่มาสูบน้ำออกจากบ้านพักที่เป็นแอ่งกระทะลงคลองให้หมด และจะสำรวจความเสียหายพร้อมกับหาแนวทางแก้ไขต่อไป