เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช ชี้มูลความผิดอดีต ผอ.โรงเรียนสามเสนฯ รับแป๊ะเจี๊ยะ แลกรับเด็กเข้าเรียน ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ กระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
วันที่ 18 ก.ย. 2562 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงมติคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีที่รับเรื่องจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ป.ป.ท. เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2560 กรณีที่มีกล่าวหา นายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัยในขณะนั้น พร้อมกับพวก ทุจริตเรียกรับเงินจากผู้ปกครองนักเรียน 2 คน แลกกับการรับเข้าเรียน
โดยกรณีดังกล่าว ป.ป.ช. ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่ามีมูล จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนมาตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2561 ซึ่งยจากพยานหลักฐานฟังได้ว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ออกประกาศเรื่องนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการรับนักเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปีการศึกษา 2560 ลงวันที่ 16 ก.ย. 2559
โดยสาระสำคัญของประกาศฯที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว คือโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง จะมีการรับนักเรียนที่มีเงื่อนไขพิเศษได้หลายกรณี ซึ่งโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย อยู่ในประเภทโรงเรียนที่มีอัตราการแข่งขันสูง และปี 2560 ทางโรงเรียนได้ออกประกาศเรื่องการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษ ก่อนที่ทางโรงเรียนได้ประกาศผลการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนต่อชั้น ม.1 ประจำปี 2560 มีรายชื่อนักเรียนประเภทเงื่อนไขพิเศษ 60 คน โดยมีผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.1 ประเภทเงื่อนไขพิเศษ 6 คน ได้นำเงินมาบริจาคให้กับโรงเรียน
ซึ่งนายวิโรฒ และนายภูสิทธิ์ ประยูรอนุเทพ รองผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ร่วมการรับเงินบริจาคจากผู้ปกครองนักเรียน 6 คน รวมเป็นเงิน 1,440,000 บาท แล้วนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ก่อนจะปรากฏคลิปของผู้อำนวยการโรงเรียน ขณะเรียกรับเงินจากผู้ปกครองของนักเรียน โดยนายวิโรฒ ยอมรับว่าตนคือบุคคลในคลิป แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว และภายในวันเดียวกันนายวิโรฒ นายภูสิทธิ์ รวมถึงนายประเจิน โชติพงศ์กุล ครูชำนาญการพิเศษ ที่เป็นหัวหน้างานรับนักเรียนของโรงเรียน ได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีออกใบเสร็จรับเงิน ว่าโรงเรียนได้รับเงินบริจาค โดยให้ลงวันที่ย้อนหลัง
แต่เจ้าหน้าที่การเงินแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการได้ บุคคลทั้ง 3 จึงได้ร่วมกันสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินออกใบเสร็จรับเงิน ลงวันที่ 21 มิ.ย. 2560 และมีการนำเงินสดบางส่วนเข้าฝากธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงการคลัง ตามรหัสศูนย์ต้นทุนของโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ผ่านระบบ gfmis โดยมีเจตนาเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว จึงมีมติว่าการกระทำของนายวิโรจน์ และนายภูสิทธิ์ มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 148, 157, 162 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ 2542 มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานกระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ส่วน นายประเจิน มีความผิดทางอาญา กรณีร่วมกันข่มขืนใจเจ้าหน้าที่การเงินให้ออกใบเสร็จรับเงินเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตนและบุคคลอื่นจึงมีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นผู้สนับสนุน