พบหลักฐานจากนาฬิกา สมาร์ทวอทช์ ชี้ "ลัลลาเบล" เสียชีวิตเวลา 17.00 น. วันที่ 16 กันยายน ก่อนถูก "น้ำอุ่น" พาขึ้นรถมาที่คอนโดฯ ด้านตำรวจ เผยจะยึดผลการชันสูตรศพจากนิติเวชเป็นหลัก ก่อนออกหมายจับ
ผ่านไปกว่า 1 สัปดาห์ ตำรวจยังเร่งคลี่คลายคดีที่นางสาวธิติมา นรพันธ์พิพัฒน์ อายุ 25 ปี หรือ "ลัลลาเบล" พริตตี้สาวสวย เสียชีวิตปริศนา
พลตำรวจตรี สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับผลการตรวจสอบเวลาเสียชีวิตของลัลลาเบลแล้ว ซึ่งแพทย์ ระบุ ช่วงเวลาเสียชีวิตคือตั้งแต่เวลา 15.00 - 19.00 น. ส่วนนาฬิกาสมาร์ทวอทช์ที่เป็นประเด็นนั้น และระบุเวลาเสียชีวิต 17.00 น. นั้น ได้สอบถามแล้วพบว่าหลักฐานชิ้นดังกล่าวไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ ไม่สามารถยืนยันความแม่นยำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทางเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนในการสอบสวน
ส่วนของการขออนุมัติหมายจับนั้น ตำรวจอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกล่าวหา ว่าจะแจ้งข้อหาใดและกับใคร ซึ่งขณะนี้การรวบรวมพยานหลักฐานใกล้จะสมบูรณ์แล้ว หากมีน้ำหนักมากพอ ก็พร้อมที่จะขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับทันที
อย่างไรก็ตามหลังทราบช่วงเวลาเสียชีวิตจากแพทย์ ตำรวจก็สอบปากคำน้ำอุ่นในทันที เบื้องต้น ยืนยันว่า ขณะที่อยู่กับเบล และสิ่งที่ทำกับเบลนั้น ตนเองคิดว่าเบลยังไม่ตาย ส่วนผลตรวจปัสสาวะน้ำอุ่น เบื้องต้น ไม่พบสารเสพติด ส่วนปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดของน้ำอุ่นยังคงรอผลตรวจ
สิ่งที่น่าสังเกตคือ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ของ ลัลลาเบล ที่จัดเก็บข้อมูลอัตราเต้นของหัวใจ พบว่า หัวใจหยุดเต้นในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 16 กันยายนนั้น ดังนั้นเมื่อไล่เวลา พบว่า เวลา 17 นาฬิกา 13 นาที ภาพวงจรปิดบ้านปาร์ตี้ จับภาพน้ำอุ่นอุ้มลัลลาเบลออกจากงาน ซึ่งตอนนั้นอาจเสียชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ว่า เวลาคาดเคลื่อนหรือไม่ และ ต้องรอผลการชันสูตรศพจากทางการแพทย์ยืนยันอีกครั้ง
ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้เดินทางถึงศาลจังหวัดธนบุรี เพื่อนำพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับ น้ำอุ่น ในหลายข้อหาแล้ว
และจากนี้จะต้องย้อนไปเอาผิดเหตุการณ์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้น คือ ช่วงแรก ที่มีการดื่มกันอย่างหนัก จนลัลลาเบลเสียชีวิต ว่าพฤติกรรมนี้เอาผิดใครได้ไหม (แต่ข้อมูลทางกฎหมายการร่วมกันดื่ม การชนแก้ว ถือว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาฆ่า)
ช่วงที่ 2 คือ น้ำอุ่นนำตัวลันลาเบลออกมาจากงานปาร์ตี้ ซึ่งน้ำอุ่นอ้างว่าตกลงจะไปต่อด้วยกัน แต่ขัดกับพยานหลักฐานจากวงจรปิด ดังนั้นอาจเข้าข้อกฎหมายว่าเธอไม่ได้ยินยอมไปเอง
ช่วงที่ 3 ลัลลาเบล ถูกนำตัวมาขึ้นรถของน้ำอุ่น จากพยานหลักฐาน ยืนยัน เชื่อได้ว่าลัลลาเบล อาจเสียชีวิตแล้ว แต่เบื้องต้นไม่สามารถใช้สมาร์ทวอชเป็นพยานหลักฐานหลักฐานได้ แต่สามารถใช้เป็นพยานประกอบได้
นอกจากนี้วงจรปิด ซึ่งมีอาการอุ้ม ลากลัลลาเบล ในลักษณะคว่ำหน้า และมีปัสสาวะราด แสดงให้เห็นได้ว่าเธอมีอาการวิกฤตแล้ว แต่น้ำอุ่นไม่ได้มีเจตนาช่วยเหลือ ซึ่งตามข้อกฎหมาย ต้องรับผิดชอบ ในกรณีที่จะต้องพาไปส่งแพทย์หรือให้การช่วยเหลือ หากไม่กระทำถือว่ามีความผิด