เปิดประวัติสุดแสบ "ท็อป เจ้าบ่าวกำมะลอ" พบพฤติกรรมสุดแสบ คดีติดตัวเพียบ จ่ายเช็คเด้ง อ้างเป็นที่ปรึกษาอดีตนายกฯ
กรณีที่พริตตี้สาวชาวบุรีรัมย์ ถูกเสี่ยท็อป อายุ 50 ปี อ้างเป็นนักธุรกิจรวยหมื่นล้าน หลอกแต่งงานก่อนหนีหาย ทิ้งหนี้งานแต่งให้เจ้าสาวจ่ายเพียงคนเดียว ล่าสุด พบว่า หญิงสาวคนนี้ไม่ใช่เหยื่อรายแรก ขณะที่เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ออกมาแฉวีรกรรมเจ้าบ่าวหมื่นล้านกำมะลอว่า เป็นแค่พ่อค้าเห็ด ตั้งแผงขายอยู่ที่ตลาดลำลูกกา เคยโกงเงินค่าขายเห็ดเป็นแสน
นอกจากนี้ ยังมีคดีติดตัวอย่างน้อย 3 คดี เช่น ปี 2535 ถูกคดีฉ้อโกง พื้นที่ สน.ลาดพร้าว อีก 5 ปีต่อมา ถูกคดีเช็คเด้ง พื้นที่ สน.บางเขน และปี 2545 คดีฉ้อโกง พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ยังไม่เข็ดหลาบไปหลอกลวงผู้หญิงว่า ทำธุรกิจเช่าเหมาเครื่องบิน เพื่อให้ผู้หญิงหลงเชื่อจดทะเบียนบริษัทลงทุนให้ เคยหลอกเอาเงินและบ้านจากผู้หญิงคนหนึ่งไปจำนำ มูลค่า 200 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ยังอ้างเป็นที่ปรึกษาอดีตนายกรัฐมนตรี ไปหลอกคุยธุรกิจกับบริษัทในต่างประเทศ รวมทั้งอ้างว่า เรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง แถมปลอมแปลงเอกสารเรียนจบปริญญาโท สมุดบัญชีธนาคารต่างประเทศ ปลอมสลิปโอนเงิน จ่ายเช็คปลอมเกือบ 16-17 ล้านบาท
และล่าสุด ใช้หลักฐานปลอมอ้างว่า มีทรัพย์สินมากกว่า 2 หมื่น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อจองห้องพักคอนโดหรู 157 ห้อง แต่สุดท้ายกลับพบว่า เช็คเด้ง
คุณฉัตรลดา ชูคง ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ซอยสุขุมวิท 74 ตามข้อมูลที่อยู่เสี่ยท็อป พบปัจจุบันบ้านเปลี่ยนเจ้าของแล้ว ผู้สื่อข่าวไป สอบถามชาวบ้านแถวนั้น จนพบคนที่เคยรู้จักเสี่ยคนดังกล่าว บอกว่า บ้านหลังนี้ แม่ของเสี่ยเป็นผู้พักอาศัย นานๆ ครั้งจะเห็นเสี่ยกลับมาเยี่ยมแม่ แต่ไม่เคยเห็นไปสุงสิง หรือพูดคุยกับใคร
ทุกครั้งที่กลับมาบ้าน ก็จะเห็นว่า แต่งตัวดี ขับรถหรู และเปลี่ยนรถบ่อย แต่ไม่มีใครกล้าถามว่าทำงานอะไร จนเมื่อ 4-5 ปี ที่ผ่านมา ทราบข่าวว่า แม่ของเสี่ย ขายบ้าน และย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด และไม่ได้ข่าวอีกเลย กระทั่งมาทราบข่าวอีกครั้งว่า ไปหลอกลวงพริตตี้มาแต่งงาน
ทีมข่าวยังพยายามติดต่อหนึ่งในเบอร์โทรศัพท์มือถือของนายท็อป แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนบุคคลที่ถูกแอบอ้างเป็นญาติ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่รู้จักเสี่ยท็อป แค่รู้จักผ่านงานสังคม เนื่องจากนายท็อป เคยได้รับรางวัลผู้นำองค์กรดีเด่นหลายสมัย จากมูลนิธิแห่งหนึ่ง
ส่วนร้านพรีเวดดิ้งที่รับจัดงาน ชี้แจงว่า รับงานต่อจากทีมงานออร์แกไนซ์ที่จังหวัดจันทบุรีมาอีกทอด ได้รับเงินจัดงานเพียง 3 แสนบาท ไม่ใช่ 2.6 ล้านบาท หลังรู้ข่าวสงสารเจ้าสาวมาก
เจ้าของร้าน ยอมรับว่า งานแต่งดังกล่าวเป็นงานใหญ่ ใช้เวลาเตรียมงาน 3 วัน ใช้ทีมงานจาก 3 จังหวัด กว่า 20 คน มาช่วยงานให้หรูหราที่สุด เพราะทราบว่า เจ้าบ่าวเป็นเศรษฐีต่างชาติ ส่วนเงินค่าจัดงานได้รับครบหมดแล้ว แต่ไม่รู้ว่า ค่าจ้างรวมทั้งหมดเท่าไหร่ และขณะจัดงานก็ไม่เคยเจอตัวจริง ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเลย
ด้านลูกพี่ลูกน้องของเจ้าสาว ยืนยันเช่นกันว่า ไม่เคยรู้จักเจ้าบ่าวกำมะลอมาก่อน เคยเจอฝ่ายชายแค่ครั้งเดียว ดูลักษณะท่าทางการแต่งตัวดูดี ภูมิฐานแม้จะอายุมากกว่าฝ่ายหญิง
ที่ผ่านมา ลูกพี่ลูกน้องไม่เคยพาแฟนมาบ้านเลย คนนี้เป็นคนแรก อยากฝากเจ้าบ่าวให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบด้วย เพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน คงไม่มีเงินที่จะไปจ่ายขนาดนั้น