พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เข้าให้ปากคำต่อ ป.ป.ช. ปมทุจริตไบโอแมทริกซ์ เชื่อ! คนโกงต้องมีอันเป็นไป
วันที่ 10 มกราคม 2563 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าให้ปากคำต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะพยาน คดีการตรวจสอบทุจริตการจัดซื้อเครื่องไบโอแมทริกซ์ หรือเครื่องตรวจอัตลักษณ์บุคคลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และอาจเป็นเหตุให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ โดนลอบยิงรถยนต์ส่วนตัว
โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า มีการยื่นรายชื่อสอบปากคำพยานไม่ต่ำกว่า 40 คน ซึ่งตัวเองในฐานะที่เป็นอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้เป็นคนยกเลิกสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องไบโอแมทริกซ์ เนื่องจากเห็นว่ามีความไม่ชอบมาพากล โดยครั้งแรกการจัดซื้อมีงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ต่อมาได้เพิ่มงบประมาณเป็น 2,000 ล้านบาท ประกอบกับสเปกการทำงานไม่เป็นไปตาม TOR จึงสั่งระงับและขอให้ยกเลิกสัญญาดังกล่าว แต่ทางผู้บังคับบัญชากลับนิ่งเฉยและเซ็นอนุมัติตรวจรับงาน
รวมถึงกรณีการจัดซื้อรถตรวจการไฟฟ้า ที่จัดซื้อในราคาคันละ 4,000,000 บาท ซึ่งใช้งานได้ไม่คุ้มค่า และไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟได้ โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่อาจมีปัญหาสัญญาณอ่อน นอกจากนี้ยังมีการนำรถตรวจการไฟฟ้า มาใช้เป็นรถนำขบวนซึ่งผิดวัตถุประสงค์ ตัวเองจึงมองว่าเป็นการกระทำที่ทำให้รัฐเสียหายและประชาชนเสียประโยชน์
สำหรับการออกมาแฉเรื่องราวทั้งหมด พร้อมเปิดหน้าชนกับอดีตผู้บังคับบัญชาตัวเองนั้น เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีความยุตธรรมเกิดขึ้นในองค์กร จึงต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมนอกองค์กร โดยอาศัยกระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช. และอยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับหน่วยงานต่าง ๆ การทุจริตเงินแผ่นดิน ของหลวง ส่วนตัวเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มี คนที่ทำจะต้องมีอันเป็นไป