ปิดฉากแล้ว!! เจ้าพ่อนักเล่าข่าว "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" หลังศาลได้ตัดสินจำคุก 6 ปี 24 เดือน คดีสนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิด ด้วยการยักยอกเงินค่าโฆษณาเกินเวลา ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 อสมท. เป็นเงินกว่า 138 ล้านบาท
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่มีการยื่นฟ้อง 4 จำเลย คือ นางพิชชาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท. // บริษัทไร่ส้ม จำกัด // นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัทไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา ธีระเดช พนักงานบริษัทไร่ส้ม
คดีนี้เริ่มจากนางพิชชาภา จัดทำคิวโฆษณารวมในรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ที่นายสรยุทธ รับผลิตในนามของบริษัทไร่ส้ม แต่ไม่เรียกเก็บค่าโฆษณาเกินเวลา จากบริษัทไร่ส้ม ทำให้ บมจ.อสมท เสียหายกว่า 138 ล้านบาท มีการต่อสู้จนถึงชั้นฎีกา
ศาลพิเคราะห์แล้ว พิพากษาแก้และลดโทษตามคำให้การที่เป็นประโยชน์ โดยให้จำคุกนางพิชชาภาจาก 6 กระทง จากโทษจำคุก 18 ปี เหลือเพียง 12 ปี / สั่งปรับบริษัทไร่ส้มจาก 108,000 บาท เหลือ 72,000 บาท / ส่วนนายสรยุทธ และนางสาวมณฑา ลดโทษจำคุกจาก 13 ปี 4 เดือน เป็นจำคุก 6 ปี 24 เดือน
ส่วนการที่จำเลยร้องขอให้ลงโทษสถานเบา หรือรอลงอาญา เห็นว่า นายสรยุทธ เป็นสื่อมวลชนอาวุโส สมควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม แต่กลับกระทำผิดกฎหมายเสียเอง จึงไม่เห็นควรลดโทษตามที่ยื่นฎีกา
ทั้งนี้ บรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดีจำเลย ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด โดยเฉพาะนายสรยุทธ ที่ถอนหายใจและส่ายหน้าเป็นระยะ
ภายหลังศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น น.ส.พิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ ผู้ประกาศข่าวชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า เห็นใจ เสียใจ และเสียดาย เพราะนายสรยุทธ ตั้งใจทำงานซื่อสัตย์ต่ออาชีพและคนดู แต่เมื่อต่อสู้เต็มที่ ศาลตัดสินแล้ว ต้องอยู่ในกติกา
ด้านโก๊ะตี๋ อารามบอย กล่าวว่า นายสรยุทธ มีกำลังใจดี และน้อมรับในคำตัดสิน โดยนายสรยุทธ ได้ฝากไว้ว่า "ตนเองแค่ติดคุก ไม่ได้ตาย เดี๋ยวก็กลับออกมา" พร้อมขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้ และชีวิตยังต้องเดินต่อไป
จากนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวจำเลย ขึ้นรถของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ไปคุมขังที่เรือนจำตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป
ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว โพสต์ความในใจ ก่อนฟังคำพิพากษา ระบุว่า ผมต้องหยุดทำงานที่ผมเคยทำมาทุกวัน ทั้งที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ใครไม่เป็นผม คงไม่รู้ว่า มันทุกข์ทรมานขนาดไหน กับการต้องตื่นขึ้นมาทุกวัน แล้วไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตอย่างที่เคย
การต้องหยุดทำงาน เหตุเพราะคำพิพากษาของสังคม ผมติดคุกสังคมมา 4 ปีแล้ว ตลอด 4 ปีของการต่อสู้คดีก็ไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว ความรู้สึกเสมือนยิ่งสู้ยิ่งแพ้ แต่ก็ต้องสู้
วันนี้ ผมคงติดคุกตามคำพิพากษาของศาลสูงสุด ชีวิตต้องดำเนินต่อไป อย่างน้อยวันนี้ชีวิตผมก็จะได้เริ่มต้นใหม่เสียที แม้จะต้องเริ่มต้นจากติดลบ อยู่ในคุกตะราง จุดต่ำสุดของชีวิต แต่ก็ได้เริ่มต้น ขอบคุณทุกคนที่เจอกัน เข้ามาจับมือให้กำลังใจ จนกว่าจะมีโอกาสพบกันใหม่ครับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา