ประมวลเหตุ "จ่าสิบเอกทหาร" คลั่งกราดยิงผู้บริสุทธิ์ จำนวนมากทั่วเมืองโคราช ตำรวจ-ทหาร ระดมปิดล้อมนาน 17 ชั่วโมง ก่อนถูกวิสามัญฆาตกรรม ในห้างเทอร์มินอล 21 มีประชาชน และเจ้าหน้าที่เสียชีวิต รวม 30 ศพ บาดเจ็บจำนวนมาก
เวลา 15.00 น.วันที่ 8 กุมภาพันธ์ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ถมมา อายุ 32 ปี ทหารสังกัดหน่วยกองพันกระสุนที่ 22 แต่งเครื่องแบบทหารครึ่งท่อน เข้าไปเจรจาเรื่องเงินค่านายหน้าซื้อขายที่ดินกับนางอนงค์ มิตรจันทร์ อายุ 63 ปี และนายพิทยา แก้วพรม ภายในบ้านพัก ซึ่งอยู่ในค่ายสุรธรรมพิทักษ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา
โดยมีพันเอกอนันตโรจน์ กระแสร์ อายุ 48 ปี ผู้บังคับบัญชา เป็นพยานการเจรจา แต่ตกลงกันไม่ได้ จึงจ่อยิง นางอนงค์ และพันเอกอนันตโรจน์ เสียชีวิต ส่วนนายพิทยาบาดเจ็บ แล้วเข้าไปปล้นอาวุธปืนสงคราม ยิงพลทหารที่ดูแลคลังกระสุนของค่ายฯ เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย
จากนั้นก็ขับรถฮัมวี่ทหารหลบหนีเข้าเมือง ใช้เส้นทาง ชุมชนหลังโรงเรียนบุญวัฒนา มีกำลังตำรวจไล่ล่าสกัดจับ แต่ถูกสาดกระสุนใส่รถตำรวจเสียหาย 2 คัน ตำรวจถูกยิงบาดเจ็บ 2 นาย
เวลา 17.00-18.00 น.จ่าสิบเอก จักรพันธ์ สาดกระสุนปืนใส่ชาวบ้านตามรายทาง เสียชีวิตบาดเจ็บหลายคน จากนั้นไปจอดรถตรงทางเข้าห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ดักยิงชาวบ้านที่ผ่านไปมา มีผู้เสียชีวิตอีกนับ 10 คน รวมถึง รปภ.หน้าห้าง
เมื่อเวลา 18.00 น. จ่าสิบเอก จักรพันธ์ เข้าไปในห้างเทอมินอล 21 ใช้ปืนยิงใส่ถังแก๊ส จนระเบิดไฟลุกท่วม ตำรวจ เริ่มปิดล้อมจับกุม และประกาศปิดเมืองโคราชทั้งเมือง
ระหว่างนั้น จ่าสิบเอก จักรพันธ์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เขียนข้อความ และไลฟ์สดสั้นๆ บอกว่า "เหนื่อยเหลือเกิน ยิงปืนจนนิ้วจะหักแล้ว" และ "ยิง 3 ศพเพื่อล้างแค้น นอกนั้นป้องกันตัว" "ยอมแพ้ ดีมั้ยนะ" ลักษณะไม่สลดต่อเหตุที่เกิดขึ้น
เวลา 19.00 น. ชาวบ้านที่อยู่ในห้างทยอยหนีออกมาเป็นระยะ ช่วงนี้ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ หนีขึ้นไปบนชั้น 4 ของห้าง จับตัวประกันไว้ 16 คน
กระทั่งปรากฏภาพวงจรปิด ที่ "จ่าสิบเอกคลุ้มคลั่ง" ยังคงสวมใส่ชุดเดิม คือเครื่องแบบทหารทั้งตัว พร้อมอาวุธสงคราม และกระสุนครบ เดินไปมาอยู่ชั้นล่างของห้าง
เวลา 20.25 น.พบมีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บเพิ่มเติมในห้าง ชาวบ้านที่อยู่ในห้างเริ่มโพสต์เฟซบุ๊กขอความช่วยเหลือต่อเนื่อง โดยหลบอยู่ทั้งในร้านค้า ห้องน้ำ รวมกันหลายสิบคน
เวลา 21.20 น. ตำรวจชัยภูมิ เข้าไปรับแม่ของ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ ที่บ้านพัก อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เพื่อเดินทางเข้าโคราช เกลี้ยกล่อมลูกชายให้มอบตัว
เวลา 21.38 น.พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า สั่งการให้ทุกหน่วยงานเข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง สำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่
เช่นเดียวกับ หน่วยหนุมาน จากกองบังคับการปราบปราม เดินทางถึงเทอร์มินอล 21 โคราช เพื่อระงับเหตุ ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่สั่งการช่วยผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาล
เวลา 22.17 น.พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เดินทางถึงพื้นที่ สั่งยุติการรายงานข่าวของสื่อ เนื่องจากพบว่า "จ่าสิบเอกคลุ้มคลั่ง" ได้ติดตามข่าวสารของตัวเองทางมือถือ และไหวตัวทัน
เวลา 22.30 น.ทีมข่าวได้รับข้อความจากผู้ที่ติดอยู่ในห้างว่า ได้ยินเสียงปืนดังสนั่น และได้ยินคล้ายกับว่า มีการยิงสวนกัน และมีรถกู้ภัยวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุไป มีรายงานว่า ก่อนเสียงปืนดังขึ้น มีคนออกมาจากห้างได้ประมาณ 30 คน จากนั้น มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เริ่มอพยพประชาชนที่ติดค้างในห้างเทอร์มินอล 21 ออกมาบางส่วน
เวลา 23.33 น.กองปราบปราม รายงานผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมพื้นที่ชั้น G ขึ้นไปของห้างเทอร์มินอล 21 โคราชได้แล้ว พร้อมแจ้งให้ผู้ที่ยังติดอยู่ในห้าง หากเห็นเจ้าหน้าที่ชูมือขึ้น ค่อยๆเดินออกมาจากที่หลบซ่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ
เวลา 23.42 น.กองปราบปราม โพสต์รายงานผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า พลตำรวจตรี จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการปราบปราม พร้อมทีม "หนุมานกองปราบ" และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าเคลียร์พื้นที่ห้างเทอร์มินอล 21 โคราชชั้น G ได้แล้ว แต่ยังมีผู้ติดค้างในห้างบางส่วน
เริ่มเข้าสู่วันใหม่ 9 กุมภาพันธ์ เวลา 00.30 น. เจ้าหน้าที่เคลียร์คนในห้างออกมาได้เกือบหมด แต่คนร้ายหลบหนีไปยังชั้นใต้ดิน ซึ่งเป็นศูนย์อาหาร ตำรวจกองปราบ นำกำลังหนุมาน เข้าไปเพิ่ม 2 ชุด ชุดละ 5-6 นาย พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 เข้าสมทบ
เวลา 01.49-02.00 น. เจ้าหน้าที่ทยอยช่วยประชาชนออกจากห้างประมาณ 20 คน ที่อยู่ในฟิตเนส และเป็นพนักงานแผนกอาหารของฟู้ดแลนด์
เวลา 02.42 น.ได้ยินเสียงดังคล้ายปืนรัวเป็นชุด ภายในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 หลายครั้งประมาณ 5 นาที ขณะที่เจ้าหน้าที่สั่งเคลียร์ทางให้รถกู้ชีพ เพื่อเตรียมรับผู้บาดเจ็บประมาณ 5-6 คัน
เวลา 03.17 น. เกิดเสียงปะทะดังขึ้นทั้งเสียงคล้ายระเบิด และเสียงปืนหลายชุดในห้าง เจ้าหน้าที่สั่งทุกคนหมอบลงหลบกับพื้น จากนั้นคนร้ายพยายามพังประตูหลังหลบหนี แต่ไม่สามารถออกไปได้ โดยให้อยู่ถอยห่างจากแนวเชือกกั้นให้ไกลที่สุด
เวลา 03.19 น. เกิดเสียงปืนดังขึ้นอีกครั้งภายในห้าง ระหว่างทยอยเคลื่อนย้ายคนเจ็บ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทยอยนำประชาชนซึ่งเป็นเด็ก และผู้ใหญ่ อีกกลุ่มหนึ่ง 5 คน ที่ยังตกค้างอยู่ภายในออกมา
เวลา 04.15 น.เจ้าหน้าที่เคลื่อนกำลังอีก 1 ชุดเข้าไปยังหน้าห้างเทอร์มินอล 21 โดยมีรถกันกระสุนสีขาวเป็นโล่ห์กำบัง
เวลา 04.30 น.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยข้อมูลว่า มีเจ้าหน้าที่อรินทราช ถูกยิงเสียชีวิตแล้ว 1 คน นอกจากนี้ ยังได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน ยอดผู้เสียชีวิตกว่า 20 คน ผู้บาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 30 คน
เข้าสู่ช่วงเช้าตรู่ เวลา 06.57 น.มีรายงานว่า "จ่าสิบเอกคลุ้มคลั่ง" อยู่ชั้น LG (ชั้นใต้ดิน) โซนเอ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ได้เปรียบ เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเดินลงบันไดเลื่อนไปแม้เก้าเดียว แล้ว "จ่าสิบเอกคลุ้มคลั่ง" มองเห็น ก็สามารถจู่โจมยิงก่อนได้ทันที
ต่อมา เวลา 07.00 น. สห.จาก มณฑลทหารบก 21 ค่ายสุรนารี และหน่วยคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือ กระจายกำลังเพิ่มเติมพื้นที่รอบห้าง กดดันจับกุม "จ่าสิบเอกคลุ้มคลั่ง" เพราะกลัวว่าจะกราดยิงออกมาใส่ประชาชนที่มามุงดูเหตุการณ์
จนเวลา 07.30-08.30 น.เจ้าหน้าที่นำตัวผู้บาดเจ็บ ออกมาจากในห้าง 19 คน นำส่งโรงพยาบาล
กระทั่งเวลา 09.02 น. เจ้าหน้าที่ชุดหนุมาน กองปราบปราม ใช้โดรนบินจับความร้อน หาตัว จ่าสิบเอก จักรพันธ์ พบมีอาวุธติดตัวจำนวนมาก แต่กลับถูกยิง ทำให้โดรนเจ้าหน้าที่พังไป 2 ตัว
ในที่สุด ก็รู้พิกัดจุดซ่อนตัวแน่ชัด เจ้าหน้าที่ชุดหนุมานจึงตัดสินใจวิสามัญฆาตกรรม "จ่าสิบเอกจักรพันธ์" บริเวณฟู้ดแลนด์ โซน A ชั้น LG ชั้นใต้ดินของห้างทันที
จากนั้น ได้เข้าเคลียร์พื้นที่ พบ จ่าสิบเอก จักรพันธ์ นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องเย็น ของฟู้ดแลนด์ สภาพถูกยิงเข้าที่ศีรษะ แต่งตัวสวมชุดเกราะ มือยังกำปืนแน่น ข้างกายมีอาวุธปืนสงครามตกอยู่ พร้อมปืนพก และกระสุนตกเกลื่อนพื้น
นอกจากนี้ ใกล้ๆกัน ยังพบตัวประกันชาย-หญิงนอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นอีก 2 ศพ ภายในห้องเย็นดังกล่าวถือเป็นการปิดฉาก เหตุสะเทือนขวัญนี้ ภายใน 17 ชั่วโมง 17 นาที
ต่อมา เวลา 09.50 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปโรงพยาบาลค่ายสุรนารี โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลมหาราช เพื่อเยี่ยมและให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต
โดยทันทีที่มาถึง นายกฯได้โบกมือทักทายประชาชน พร้อมทำสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ให้ประชาชนที่มาเฝ้าติดตามสถานการณ์
หลังจากนั้น นายกฯ ได้แถลงข่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ ทุกฝ่าย ทำหน้าที่ ได้ดี ทำหน้าที่เพื่อประเทศ และ ได้ปกป้องประชาชน ยืนยันไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดปล่อยปละละเลย หรือต้องการให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ส่วนผู้บาดเจ็บ รัฐจะเร่งดูแลเยียวยา
ส่วนยอดผู้เสียชีวิต จากเหตุดังกล่าว 30 ศพ ในจำนวนนี้รวมคนร้ายด้วย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 58 คน